‘ซีอาร์จี’ TheNextChapter 2024 เติบโตด้วยจอยต์เวนเจอร์

นายณัฐ วงศ์พานิช
นายณัฐ วงศ์พานิช

“ซีอาร์จี” เผย The Next Chapter ปี 2024 มุ่งสร้างการเติบโตผ่านพาร์ตเนอร์ชิป เดินหน้าปรับระบบหลังบ้าน ทดลองนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมเผย 5 เทรนด์อาหารมาแรงในปี 2567

นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG เชนร้านอาหารที่มีแบรนด์ในเครือ 20 แบรนด์ กล่าวในงานสัมมนา Marketeer Forum : Turning Point-สัมมนาบทเรียนจุดเปลี่ยนธุรกิจอาหาร จัดขึ้นโดยนิตยสาร Marketeer ว่า เทรนด์ธุรกิจอาหารในปี 2567 มี 5 เรื่องหลัก ได้แก่

1.eating experience การจะทำร้านอาหารใหม่ ๆ รสชาติอาหารอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า อาทิ มีเรื่องเล่าของอาหาร กับที่มาของวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อร่วมมอบเรื่องราวใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า เช่น ผักชี หรือน้ำในการหุงข้าว มาจากสถานที่ใด เป็นต้น

2.food gathering การรับประทานอาหารที่ทำให้ลูกค้าได้มาพบปะกัน และเกิดการสังสรรค์ระหว่างกลุ่มเพื่อน ๆ สร้างบรรยากาศแห่งความสุขในร้าน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่กับบ้านจากโควิดจึงต้องการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ทำให้เทรนด์ของร้านอาหารปิ้งย่างและชาบูมาแรง

3.upcycling and sustainable foods ผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จะเริ่มให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น อาทิ แหล่งที่มาของอาหารถูกสุขลักษณะ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ สำหรับเชนร้านอาหารที่จะต้องให้ความใส่ใจ

4.health & wellness cuisine การนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นผลดีต่อร่างกาย รวมถึงกลุ่มลูกค้าในแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น การผลิตอาหารสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่เชนร้านอาหารต้องเริ่มให้ความสำคัญ อาทิ สร้างโปรดักต์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเติบโตสำหรับกลุ่มนี้

ADVERTISMENT

5.digitalization การมุ่งดิจิทัลและใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการ บริหารระบบภายใน เพื่อเป็นช่องทาง สร้างธุรกิจขยายตัว ทั้งการลงทุนพัฒนาระบบในเรื่องคิวอาร์โค้ด ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวก การใช้หุ่นยนต์มาร่วมให้บริการ หรือผลิตอาหาร ทำให้เชนร้านอาหารต้องพร้อมปรับตัว เพื่อรองรับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภค

มุ่งเติบโตผ่านพาร์ตเนอร์ชิป

นายณัฐ วงศ์พานิช กล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางดำเนินธุรกิจในปีหน้าของซีอาร์จี หลังก้าวสู่ปีที่ 45 บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในรูปแบบกิจการร่วมค้า (joint venture) อยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะการที่จะเติบโตด้วยตัวเองลำพังเป็นไปได้ยาก เพราะเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง แต่ CRG มีความสามารถในการขยายสาขา กับการบริหารจัดการร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงต้องร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ด้วยการนำความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านของทั้ง CRG และพาร์ตเนอร์มาร่วมกันสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมาได้มีการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย ทั้งชินคันเซ็น และสลัด แฟคทอรี่ เป็นต้น

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ในแง่ของ CRG ด้วยความที่เป็น multibrand ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวในเรื่องการบริหารระบบหลังบ้านให้มีความคล่องตัว และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งงานด้านไฟแนนซ์, ซัพพลายเชน, ไอที, R&D ฯลฯ เพื่อรองรับเวลาที่มีแบรนด์ใหม่เข้ามา ก็จะสามารถใช้ระบบหลังบ้านที่มีอยู่ได้

สำหรับเป้าหมายในระยะยาว บริษัทต้องการสร้างธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน ให้สอดรับกับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลง อย่างภาวะโลกร้อน รวมทั้งจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อรองรับสถานการณ์และปัจจัยเรื่องค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญของธุรกิจนี้ในอนาคต

มองหาช่องรับมือวิกฤต

นายณัฐทิ้งท้ายว่า ธุรกิจอาหารยังต้องคอยจับตาเฝ้าระวังวิกฤตต่าง ๆ ที่จะเกิดในอนาคตด้วย เนื่องจากจุดเปลี่ยนสำคัญของเชนธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่จะมาจากวิกฤตการณ์ระดับประเทศ หรือโลก

ตัวอย่าง เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ร้านอาหารหลาย ๆ ร้านต้องปิดตัวลง เนื่องจากการล็อกดาวน์ ห้ามนั่งรับประทานที่ร้านและปิดห้างสรรพสินค้า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารที่กว่า 80% อยู่ในห้าง ซึ่งร้านอาหารในเครือ CRG บางสาขาต้องปิดตัวลงเช่นกัน พร้อมใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ มาประคองตัว เช่น ลดเวลาทำงานจากปกติ 5-6 วันต่ออาทิตย์ เหลือประมาณ 3 วันต่ออาทิตย์ รวมถึงการหันไปโฟกัสกับรายได้จากดีลิเวอรี่แทน

จากบทเรียนที่ผ่านมา บริษัทจึงมองหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อรองรับกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ด้วยการนำร้านอาหารออกไปเปิดนอกห้าง เช่น ในปั๊มน้ำมัน หรือสแตนด์อะโลน รวมถึงปรับเมนูให้เหมาะกับดีลิเวอรี่ โดยเฉพาะเรื่องของแพ็กเกจจิ้งที่จะต้องคงคุณภาพให้เหมือนกับที่ทานในร้าน เป็นต้น