
เบอร์เกอร์คิงเผยทิศทางการตลาดปี 2567 มุ่งปั้นแบรนด์-สร้างไวรัลต่อเนื่อง ด้วย 3 กลยุทธ์หลักรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งสปีดแผนเก็บ-วิเคราะห์บิ๊กดาต้าช่วยปั้นบริการ-โปรโมชั่นรายบุคคล พร้อมต่อยอดแคมเปญสร้างไวรัล-เมนูสไตล์ไทย หวังขยายฐานลูกค้าชาวไทยนอก กทม.-จังหวัดท่องเที่ยว ลั่นตั้งเป้าเติบโตระดับ 2 ดิจิตต่ออีกปี
นายชนินทร์ นาคะรัตนากร Digital Marketing Manager บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารเชนร้านอาหาร “เบอร์เกอร์คิง” กล่าวว่า ในปี 2567 ที่จะถึงนี้ผู้บริโภคยังคงต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ และอยากให้แบรนด์สามารถเป็นทั้งเพื่อนและเครื่องสะท้อนตัวตน-ไลฟ์สไตล์ของตนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต่อเนื่องจากปี 2566
เห็นได้ชัดจากความสำเร็จของแคมเปญต่าง ๆ ที่กลายเป็นไวรัล และสร้างยอดขายสูงทำลายสถิติ ไม่ว่าจะเป็นชีสเลิฟเวอร์และเดอะเรียลชีส เมื่อช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม จนทำให้มียอดขายต่อเดือนสูงสุดตั้งแต่เปิดสาขาในไทย หรือเมนูไก่ทอดหาดใหญ่ที่ทำให้ยอดขายเมนูไก่โตขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนเปิดตัว รวมถึงการเปิดตัวเบอร์เกอร์ซอสแดงในเดือนพฤศจิกายนที่ให้ผู้บริโภคมามีส่วนร่วมในการตั้งชื่อ
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการสร้างบริการและโปรโมชั่นแบบรายบุคคล ที่เป็นอีกเทรนด์มาแรงของวงการ ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ให้มีตัวตนและมีความเป็นมนุษย์ รวมถึงเข้าไปเป็นเพื่อนกับผู้บริโภค เช่นเดียวกับการพัฒนาเมนูเฉพาะสำหรับประเทศไทย
ดังนั้นในปี 2567 บริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลัก 3 ด้านที่สอดคล้องกับเทรนด์เหล่านี้คือ อัพเกรดการบริการและโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งจะเป็นโจทย์ใหม่และสำคัญที่สุด ร่วมกับการใส่ความเป็นมนุษย์ให้แบรนด์ อย่างต่อเนื่องและมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสื่อสารและพัฒนาอาหารเมนูใหม่ในสไตล์ไทย ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าชาวไทยซึ่งยังเป็นจุดที่แบรนด์ตามหลังคู่แข่ง
นายชนินทร์อธิบายว่า การพัฒนาบริการและโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคลนั้นจะอาศัยต่อยอดข้อมูลอินไซต์จากแอปหรือการมาใช้บริการในร้านมาพัฒนากลยุทธ์ทำให้ปีหน้าจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอินไซต์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มจำนวนเครื่องอัตโนมัติสำหรับสั่งสินค้าในร้านให้มากขึ้นจากปัจจุบันเริ่มติดตั้งใน 9 สาขา และการผลักดันการใช้งานแอป เพื่อให้ทั้ง 2 จุดเป็นช่องทางเก็บข้อมูลอินไซต์ของผู้บริโภค
โดยบริษัทวางเป้าหมายระยะยาวให้เบอร์เกอร์คิงสามารถรู้จักและจดจำลูกค้าได้ทุกคนในทุกช่องทางที่เข้ามาใช้บริการไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านหรือออนไลน์ สามารถนำเสนอเมนูหรือโปรโมชั่นอย่างการสะสมคะแนน คูปองส่วนลดตามแต่ละช่องทาง ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีฯลฯ
ส่วนการสร้างคอนเทนต์และแคมเปญให้ไวรัลนั้น นอกจากอินไซต์ของผู้บริโภคแล้วจะต้องคำนึงถึงอินไซต์ของแพลตฟอร์มที่จะนำเสนอด้วย ปัจจุบันโซเชียลมีเดียแต่ละรายต่างมีแนวทางผลักดันโพสต์หรือคอนเทนต์ที่แตกต่างกันจึงต้องนำปัจจัยนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคอนเทนต์และแคมเปญ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้โดยไม่ต้องพึ่งการบูสต์โพสต์หรือซื้อโฆษณาของแพลตฟอร์มมากนัก ควบคู่กับการใส่ความเป็นมนุษย์ให้แบรนด์ จะเน้นไปที่การสื่อสารแบบ 2 ทางระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ในรูปแบบเหมือนเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง โดยจะต้องสื่อสารแบบให้ถูกจุด ถูกคนหรือกลุ่มคนด้วย ซึ่งจะต้องใช้ข้อมูลอินไซต์ที่ได้จากช่องทางต่าง ๆ มาเป็นรากฐาน
ขณะเดียวกัน นายเจริญชัย บำรุงวงศ์ทอง Marketing Director บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า นอกจากการสื่อสารสร้างไวรัล และเมนูใหม่ที่จะมีออกมาอย่างน้อย 5 เมนู รวมถึงการขยายสาขาไม่น้อยกว่า 5 สาขาในปีหน้าเพิ่มจาก 120 สาขาปัจจุบันแล้ว ปี 2567 ที่จะถึงบริษัทจะเดินหน้าแผนผลิตสินค้าของใช้หรือของสะสมในแบรนด์เบอร์เกอร์คิงออกวางจำหน่ายด้วย
เพื่อต่อยอดแผนเป็นมากกว่าอาหาร หรือบียอนด์ฟู้ด เพื่อตอบรับเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการใกล้ชิดกับแบรนด์และให้แบรนด์เป็นเครื่องสะท้อนตัวตน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้า
ทั้งนี้เชื่อว่า กลยุทธ์และสินค้าใหม่ที่จะออกมาจะผลักดันให้ยอดขายของเบอร์เกอร์คิงเติบโตในระดับเลข 2 หลักในปี 2567 เช่นเดียวกับปี 2566 นี้ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 20% จากรายได้ 2.4 พันล้านบาทเมื่อปี 2565