ทุนใหญ่บุกค้าปลีกความงาม แห่ลงทุนรับดีมานด์โตสะพรั่ง

ค้าปลีกความงามแรงไม่หยุด รายใหม่ทุนใหญ่แตกไลน์ธุรกิจ “เดอะมอลล์” เปิดโมเดลใหม่ “บิวตี้เพลย์กราวด์” ขยายฐานวัยรุ่น “ทาพาโก้” ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ ปั้น “เฮ้ บิวตี้สตรีท” ลุยต่างจังหวัด ส่งบิวตี้ทรักเจาะโรงงาน ชุมชน เจ้าตลาดอีฟแอนด์บอย-แมงป่อง เปิดแผนตั้งรับ ลุยสร้างอะแวร์เนส ต่อยอดแบรนด์

ความร้อนแรงของร้านค้าปลีกความงาม ที่รวบรวมหลาย ๆ แบรนด์เอาไว้ให้ลูกค้าช็อปปิ้งในที่เดียว ยังคงเป็นโมเดลที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ที่ต้องการเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ตอบจริตผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งความหลากหลายของสินค้า ราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงเห็นผู้เล่นใหม่ ๆ จากหลายแวดวงธุรกิจเข้ามายังธุรกิจนี้ พร้อมกับการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในทุกองค์ประกอบของหลักการตลาด

นางสาวณัฐธิดา ชุติเชาวน์กุล ผู้จัดการทั่วไปบริหารสินค้า A2 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ระบุถึงการพัฒนาร้านมัลติแบรนด์ความงาม “บิวตี้ เพลย์กราวด์” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ล่าสุดของเครือเดอะมอลล์ว่า เป็นการเข้าไปเติมเต็มช่องว่างของเซ็กเมนต์ที่บริษัทยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดมากนัก สอดคล้องไปกับเทรนด์การเติบโตของกลุ่มเครื่องสำอางระดับแมส และกลุ่มของร้านมัลติแบรนด์ที่เติบโตสูงกว่าเซ็กเมนต์อื่น ๆ จากเดิมที่บริษัทมีแค่พื้นที่ของแผนกบิวตี้ฮอล ซึ่งเป็นกลุ่มเคาน์เตอร์แบรนด์ หรือเครื่องสำอางพรีเมี่ยม เจาะลูกค้าระดับกลางบนขึ้นไป

บิวตี้ เพลย์กราวด์ เป็นร้านที่รวบรวมแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม ฯลฯ เอาไว้มากกว่า 500 แบรนด์ กว่า 10,000 รายการ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป รองรับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุ 18-25 ปี และจะเน้นการตกแต่งร้านในโทนสีสดใส สามารถถ่ายรูปอัพลงโซเชียลมีเดียได้ มีโซนพิเศษให้ลูกค้าได้ทดลองแต่งหน้าจากเครื่องสำอางในร้าน พร้อมกับพนักงานที่คอยให้คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และเทคนิคการแต่งหน้า สาขาแรกตั้งอยู่ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และภายในสิ้นปีเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ในโลเกชั่นใจกลางเมือง หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะนำออกไปขยายนอกห้างในอนาคต เช่นเดียวกับกูร์เมต์มาร์เก็ต และเพาเวอร์มอลล์

นายณัฏฐ์พงษ์ ปัญจวรญาณ ประธานกลุ่มบริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายในการหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพและเข้าไปลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท หลังจากที่เริ่มไดเวอร์ซิฟายจากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ได้ขยายสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และล่าสุดได้เข้ามายังธุรกิจความงาม ด้วยการพัฒนาร้าน

“เฮ้ บิวตี้สตรีท” มัลติแบรนด์ความงาม โดยมองว่าตลาดความงามในเซ็กเมนต์นี้มีการเติบโตสูง ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ไลฟ์สไตล์ที่เปิดรับของผู้บริโภค และยังมีช่องว่างอีกมากที่คู่แข่งรายอื่น ๆ ยังไม่เข้าไป เช่น ในตลาดต่างจังหวัด ภายหลังจากการเปิดสาขาแรกที่อาคารญาดา ถนนสีลม เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนเมืองก่อน เตรียมที่จะขยายสาขาให้ครบ 10 สาขาในสิ้นปี เน้นการเข้าไปในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก พร้อมกับการส่งรถขายสินค้าความงามเคลื่อนที่หรือบิวตี้ทรัก เสริมทัพการเข้าถึงย่านชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

โดยจุดเด่นของร้านดังกล่าว นอกจากแบรนด์ความงามและไลน์สินค้าที่ครบครันกว่า 200 แบรนด์ รวมกว่า 1 หมื่นรายการ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 59 บาท ยังมีการทำโปรโมชั่นที่หลากหลาย เช่น ลด 50%, ซื้อ 1 แถม 1, เครดิตเงินคืน 5% จากธนาคารไทยพาณิชย์, ของพรีเมี่ยมต่าง ๆ ตลอดจนการตกแต่งร้านให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มีมุมให้ทดลองสินค้า ชาร์จแบต และถ่ายรูปเซลฟี

นายหิรัญ ตันมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ผู้บริหารร้านความงามมัลติแบรนด์อีฟแอนด์บอย ระบุว่า ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีทั้งหมด 12 สาขา และยังคงมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 สาขา เพื่อรับกับความต้องการของลูกค้า โดยจะเน้นการเปิดไซซ์ใหญ่ 500 ตร.ม.ขึ้นไป เพื่อรองรับแบรนด์ความงามทั้งโลคอลและอินเตอร์เนชั่นแนลกว่า 1,000 แบรนด์ รวมกว่า 5 หมื่นรายการ ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มแมส ไปจนถึงเคาน์เตอร์แบรนด์ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกระดับกำลังซื้อ

“จุดแข็งของอีฟแอนด์บอยคือความหลากหลาย มีให้เลือกตั้งแต่ถูกสุดไปจนถึงแพงสุด ลูกค้ามาครั้งเดียวได้กลับไปทุกอย่าง พร้อมโปรโมชั่นที่คุ้มค่าคุ้มราคา ไม่ว่าจะเป็น 1 แถม 1 หรือลดสูงสุด 60% ภายในร้านอยู่ตลอด รวมถึงการสร้างความน่าสนใจผ่านสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษวางขายเฉพาะที่ร้านและเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์”

ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญ “อีฟแอนด์บอย เดอะบิวตี้ เดสทิเนชั่น” ตอกย้ำถึงการเป็นจุดหมายที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วนในที่เดียวของร้านอีฟแอนด์บอย พร้อมกับการเปิดตัวแบรนด์เอ็นดอร์สเซอร์ 7 คน ซึ่งประกอบไปด้วยแฟชั่นนิสต้าและผู้นำเทรนด์ความงาม

นางสาวณลันรัตน์ นันท์นนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านแมงป่อง กิซแมน และร้านความงามมัลติแบรนด์สตาร์ดัส ระบุว่า ทิศทางของบริษัทต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับธุรกิจเครื่องสำอางเป็นหลัก โดยบริษัทมีทั้งร้านมัลติแบรนด์ความงามสตาร์ดัส ซึ่งปัจจุบันมี 2 โมเดล คือ ร้านสแตนด์อะโลน 3 สาขา และร้านรูปแบบไฮบริด ที่เปิดร่วมกับร้านแมงป่องและกิซแมนอีก 5 สาขา ตลอดจนคลาวด้า ซึ่งเป็นเครื่องสำอางโอว์นแบรนด์ (own brand) ภายในปีนี้เตรียมทุ่มงบฯกว่า 10 ล้านบาท สร้างแบรนด์สตาร์ดัสให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ ๆ ของคลาวด้าในกลุ่มสกินแคร์ เสริมจากกลุ่มเมกอัพที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ขยายช่องทางจำหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรด การค้าชายแดน และหาตัวแทนจำหน่ายในประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี รับกับศักยภาพของตลาดเพื่อนบ้านที่ยังสดใหม่ มีแนวโน้มขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง