เป็นอันลงตัว “บอลโลก” ยิงสด 3 ช่อง…ครบ 64 แมตช์

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

หลังจากบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นกับ อาร์เอส เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องแบกรับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์สูงลิ่ว กับกฎมัสต์แฮฟของ กสทช. ที่ให้บอลโลก และมหกรรมกีฬาอีก 6 ประเภท ต้องถ่ายทอดสดแบบฟรี ๆ ทำให้บอลโลกครั้งนี้ไม่มีใครกล้าไปซื้อลิขสิทธิ์มาลงทุน

ช่วงแรก ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต่างก็ไม่มีใครออกมาแข่งขันทุ่มเงินซื้อเหมือนครั้งที่ผ่านมาเพราะกลัวไม่คุ้ม ทำให้ภาครัฐต้องออกโรงจัดการ โดยเรียกตัวแทนภาคเอกชนรายใหญ่เข้ามาประชุมหารือ เพื่อลงขันกัน อาทิ เครือซี.พี. คิง เพาเวอร์ ปตท. ไทยเบฟ ฯลฯ ซึ่งมติครั้งนั้นได้เลือกให้คิง เพาเวอร์ เป็นผู้เจรจา

แต่ก็ต้องสะดุดเพราะข้อกำหนดของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ต้องการเจรจากับผู้ประกอบธุรกิจบรอดแคสติ้งเท่านั้น จึงต้องมีการเปลี่ยนแผนใหม่ และประสานผ่านทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป แทน

และในที่สุด ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ก็เป็นอันลงตัวเสียที เมื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาแถลงว่า ภาครัฐและเอกชน 9 รายได้ร่วมมือกันคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ

โดยคนไทยจะได้รับชมการแข่งขันแบบไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่รอบแรก จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ครบทั้ง 64 แมตช์ ซึ่งจะจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน-15 กรกฎาคมนี้ เบื้องต้นจะได้รับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24, อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ส่วนการนำภาพลิขสิทธิ์ หรือนำภาพไปเสนอข่าวช่องอื่น ๆ นั้นเป็นรายละเอียดที่จะต้องหารือกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคเอกชนทั้ง 9 ราย ได้แก่ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาราบาว ตะวันแดง จำกัด มีการลงขันร่วมกันออกค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 50-200 ล้านบาท

ในขณะที่รายละเอียดส่วนอื่นนั้น “” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ระบุเพิ่มเติมว่า ยังต้องมีการพูดคุยเพื่อหารือกันอีกรอบจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งเรื่องของการจัดสรรเวลาถ่ายทอด และการที่จะให้ใครได้ถ่ายทอดในแมตช์ไหน อย่างไร หรือการที่มีช่องออนไลน์ และสตรีมมิ่ง จะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้จะคึกคักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยเวลาในการถ่ายทอดสดที่เริ่มตั้งแต่ 1 ทุ่มเป็นต้นไป

สำหรับคู่แรก จนถึงดึกสุดประมาณตี 1 ถือเป็นไพรมไทม์ในการรับชมของคนไทย

ด้าน “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุถึงการเข้าร่วมสนับสนุนในครั้งนี้ว่า แบรนด์ของคาราบาวเองก็ใช้ฟุตบอลเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และฟุตบอลโลกก็เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับนั้นยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอพูดคุยรายละเอียดที่จะหารือกันภายในสัปดาห์นี้