สื่อออนไลน์กลายเป็นสื่ออันดับต้น ๆ ที่คนทั่วโลกเลือกใช้และพร้อมจะเปิดรับข้อมูลข่าวสารตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน ทำให้สินค้าและนักการตลาดให้ความสำคัญกับสื่อมากขึ้นตามไปด้วย
“เคลลี่ คลาร์ก” ซีอีโอ กรุ๊ปเอ็ม โกลบอล ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการการลงทุนด้านสื่อระดับโลกในเครือ WPP กล่าวถึงรายงานฉบับล่าสุดภายใต้ชื่อ “State of Digital” ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบริโภคสื่อของผู้บริโภค และการคาดการณ์อนาคตของตลาดสื่อทั่วโลกว่า แนวโน้มการใช้สื่อออนไลน์ของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปีนี้คาดว่าพฤติกรรมการบริโภคสื่อในแต่ละวันของคนทั่วโลกจะอยู่ที่ 9.73 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เฉลี่ย 9.68 ชั่วโมง ประกอบด้วยสื่อออนไลน์ 3.69 ชั่วโมง รองมาคือสื่อทีวี 3.63 ชั่วโมง วิทยุ 1.73 ชั่วโมง และสิ่งพิมพ์ 0.68 ชั่วโมง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
หากแบ่งตามสัดส่วนการใช้เวลากับสื่อพบว่า ปีนี้ผู้บริโภคจะใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์มากกว่าโทรทัศน์เป็นครั้งแรกทั่วโลก โดยสื่อออนไลน์จะมีส่วนแบ่ง 38%, ทีวี 37% ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์คิดเป็น 7% และสื่อวิทยุ 18% คิดเป็นสัดส่วนเท่าเดิมจากปีก่อน
ขณะเดียวกันการใช้เวลากับสื่อออนไลน์มากขึ้นนั้นจะส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยายตัวขึ้นตามไปด้วย
โดย “เคลลี่” บอกว่า ข้อมูลด้านอีคอมเมิร์ซในปี 2560 ที่กรุ๊ปเอ็มได้รับจาก 35 ประเทศนั้นแสดงให้เห็นว่าการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซมีมูลค่ารวม 2.105 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าขึ้น 15% ในปีนี้หรือมีมูลค่าประมาณ 2.442 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด
ด้วยแนวโน้มการเปิดรับสื่อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในยุคนี้ ดังนั้นสินค้าและนักการตลาดก็ต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้เร็วด้วยเช่นกัน
