
สัมภาษณ์
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงต้นปี 2567 เริ่มส่งสัญญาณแผ่ว หลังเดือนพฤษภาคมเติบโตเพียงระดับเลขหลักเดียว ชะลอลงจากช่วงต้นปีและหน้าร้อนที่เติบโตระดับเลข 2 หลักต่อเนื่องกัน ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ เพาเวอร์ มอลล์ เชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ต้องปรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลังเพื่อรับมือ
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมพูดคุยกับ “รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ในงาน เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ถึงยุทธศาสตร์ที่บริษัทจะนำมาใช้เพื่อรับมือความท้าทายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้
สัญญาณลบกำลังซื้อเริ่มแผ่ว
“รัชตะ” ฉายภาพแนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ว่า ปัจจุบันกำลังซื้อเริ่มแผ่วลง โดยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอทีช่วงมกราคม-เมษายน 2567 มีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีการเติบโตเพียงระดับเลข 1 หลัก นับว่าชะลอตัวลงมาก เมื่อเทียบกับการเติบโตระดับเลข 2 หลักในช่วงไตรมาสแรกและช่วงต้นไตรมาส 2
ความเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเป็นผลจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้บริโภคใช้เงินจำนวนมากไปในช่วงโครงการ Easy e-Receipt และการซื้อแอร์ในช่วงหน้าร้อนแล้ว สะท้อนจากเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงโครงการ และการเติบโต 10-15% ของตลาดแอร์ ขณะที่ภาครัฐยังใช้งบฯไม่มากนัก ทำให้ไม่มีเม็ดเงินมาเติมกำลังซื้อจนการจับจ่ายชะลอตัวในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
แม้จะมี 2 มหกรรมกีฬาอย่าง ฟุตบอลยูโร 2024 และโอลิมปิก 2024 แต่ผลลัพธ์การกระตุ้นสินค้าภาพและเสียงจะมีอย่างจำกัด เนื่องจากผู้บริโภคไทยมักจะซื้อสินค้าในช่วงการแข่งขันรอบลึก ๆ ส่วนกีฬาโอลิมปิกนั้นนักกีฬาไทยเข้าแข่งขันเพียงบางประเภทเท่านั้น จึงอาจกระตุ้นการซื้อทีวีเพื่อรับชมได้ไม่มาก
ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ ต้องจับตาการใช้งบฯของภาครัฐซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และโครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอที ปี 2567 จะมีมูลค่าประมาณ 2-2.2 แสนล้านบาท เติบโตระดับเลขหลักเดียว แต่หากได้รับอานิสงส์จากเงินดิจิทัลจะสามารถเติบโตระดับเลข 2 หลักได้ เนื่องจากผู้บริโภคน่าจะนำเงินมาจับจ่ายกับมือถือ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ที่ต่างเป็นสินค้ายอดนิยม Top 3 ของตลาดในปีนี้
รีโนเวตแบบออนดีมานด์
สำหรับยุทธศาสตร์ที่เพาเวอร์ มอลล์ จะใช้รับมือความท้าทายช่วงครึ่งปีหลังนั้นจะมี 3 ด้าน ประกอบด้วย การเพิ่มความถี่การรีโนเวตร้านค้าเพื่อปรับโซน-สัดส่วนสินค้าให้สอดคล้องกับดีมานด์ในตลาด การเพิ่มจำนวนอีเวนต์-กิจกรรมให้มากขึ้น และการเพิ่มสัดส่วน-ผลักดันยอดขายสินค้าระดับบน-ไฮเอนด์ รวมถึงสินค้าไซซ์ใหญ่ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคระดับกลาง-บนซึ่งกำลังขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะนี้บริษัทปรับนโยบายการรีโนเวตสาขาเพิ่มความถี่ให้บ่อยขึ้น เช่น 3 ปี/ครั้ง จากเดิม 5 ครั้ง/ปี พร้อมนำข้อมูลอินไซต์ของตลาดและผู้บริโภค เช่น ผู้ใช้บัตร M Card, บริษัทวิจัย ฯลฯ มาใช้วางแผนพื้นที่ให้สอดคล้องและทันกับเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น สาขาสยามพารากอน ในปี 2567 นี้ทำการรีโนเวตย่อยขยายสัดส่วนพื้นที่สินค้าแอร์ และเครื่องฟอกอากาศให้ใหญ่ขึ้นรับกระแสความต้องการแอร์ เช่นเดียวกับขยายพื้นที่ Apple Shop โฉมใหม่จนเป็นโมเดลในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่มโซนเฉพาะสำหรับเครื่องล้างจานซึ่งเป็นสินค้ามาแรงตลอดช่วง 2-3 ปีนี้เข้ามา
นอกจากนี้ยังให้พื้นที่กับสินค้าแบรนด์จีน อาทิ TCL, Hisense และ Haier มากขึ้น หลังมีไลน์อัพสินค้าระดับบน-พรีเมี่ยมเข้ามา เช่น ทีวีขนาด 115 นิ้วจาก TCL รวมถึงผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยให้ฟีดแบ็กสะท้อนความต้องการสินค้าแบรนด์จีนมากขึ้นเช่นกัน
หลังจากนี้จะรีโนเวต เพาเวอร์ มอลล์ สาขาเดอะมอลล์โคราช และเดอะมอลล์งามวงศ์วานด้วย
สินค้าไฮเอนด์-ไซซ์ใหญ่ดึงยอด
พร้อมกันนี้ บริษัทยังปรับสัดส่วนสินค้าเน้นรุ่นไฮเอนด์ ไซซ์ใหญ่ และรุ่นที่มีนวัตกรรมสูง ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคระดับกลาง-บน ที่ยังคงมีกำลังซื้อและเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นต่อเนื่อง และขยายฐานผู้บริโภครุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามสร้างความร่วมมือกับคู่ค้านำสินค้ารุ่นใหม่มาเปิดตัวและวางขายที่เพาเวอร์ มอลล์ เป็นแห่งแรกในไทย
ภายในงานเพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ที่สาขาสยามพารากอน จะมีโซน POWER MALL FIRST รวบรวมสินค้าที่เปิดตัวและวางขายที่เพาเวอร์ มอลล์ เป็นที่แรกเอาไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นแม็กเนตดึงดูดผู้บริโภค อาทิ ทีวี OLED ไร้สายขนาด 97 นิ้ว จาก LG, ทีวี SONY BRAVIA 7 MINI LED TV ขนาด 85 นิ้ว, เตาอบ OMNICHEF เตาอบซีรีส์ใหม่จาก SMEG หรือ HP PAVILION AERO แล็ปทอปขนาด 13 นิ้ว น้ำหนักเบาพิเศษน้อยกว่า 1 Kg. เป็นต้น ขณะเดียวกันยังสต๊อกสินค้าเพิ่มเติมรับมือดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ ศักยภาพการโฟกัสกับกลุ่มสินค้าเหล่านี้ สะท้อนชัดเจนจากการเติบโตช่วง 4 เดือนแรกที่มีทั้งสูงกว่าตลาด อย่างแอร์ที่ตลาด 1 หมื่นล้านโต 10-15% แต่เพาเวอร์ มอลล์ โตถึง 45% หรือการโตสวนตลาดของกลุ่มทีวี ซึ่งตลาด 5.1 พันล้านบาท ติดลบ 10% แต่เพาเวอร์ มอลล์ ทีวีไซซ์ใหญ่โตขึ้น 20% นอกจากนี้ กลุ่มพัดลมโต 32%, มือถือโต 78% และเครื่องซักผ้าโต 10%
มุ่งเพิ่มความถี่กิจกรรม
นอกจากนี้ยังขยายและเพิ่มความถี่ของการจัดอีเวนต์ส่งเสริมการขายให้มากขึ้น ตัวอย่าง เช่น งานเพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ปีนี้เพิ่มการจัดในพื้นที่ MCC ฮอลล์ ของสาขาบางกะปิ และสาขาบางแคด้วย รวมพื้นที่การจัดงานทั้งหมดมากกว่า 55,000 ตารางเมตร และทำให้ปีนี้จะมีการจัดงานเพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า ที่ใช้พื้นที่ใน MCC ฮอลล์ เพิ่มจาก 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง
พร้อมกับโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ อาทิ สินค้าราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 60%, ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 1 ได้สูงสุดถึง 4, แจกฟรี คูปองส่วนลดเงินสด 1,000 บาท, ท้ายใบเสร็จกูร์เมต์ มาร์เก็ต/ตั๋วหนัง/ลอตเตอรี่ รับส่วนลดเงินสด 500 บาท, ฟรีคูปองส่วนลดเงินสด 1,000 บาท เมื่อทานอาหารโซน DINING GARDEN ชั้น 3 และเมื่อช็อปในงานครบ 100,000 บาทต่อวัน รับสิทธิจอดรถฟรี และเข้า Platinum Lounge 6 เดือน
รวมถึงกิจกรรมจากศิลปิน อาทิ เจมีไนน์ นรวิชญ์, บอย ปกรณ์, ยุ่น ภูษณุ, วง PERSES, บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์, ตรี ภรภัทร
ไปจนถึงกิจกรรม Cooking Show โดยเชฟบอย ปิยะชาติ พุทธวงษ์ จากร้านอาหารเสน่ห์จันทร์ ที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ วันที่ 27 มิถุนายน-7 กรกฎาคม 2567 และที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค วันที่ 19-29 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายภายในงานตลอดช่วง 34 วัน จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 68% เป็นมูลค่า 534 ล้านบาท และมีส่วนผลักดันให้ยอดขายทั้งปี 2567 ของเพาเวอร์ มอลล์ เติบโต 20-30%
“เครื่องใช้ไฟฟ้า” แห่เปิดตัวสินค้าใหม่
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บรรดาแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างเดินหน้าส่งสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดกันอย่างคึกคัก หวังชิงเม็ดเงินในแต่ละเซ็กเมนต์มาสร้างการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นภาพและเสียง เครื่องครัว ไปจนถึงไอทีแก็ดเจต
ตัวอย่าง เช่น กลุ่มภาพและเสียงนั้น แอลจี เตรียมเปิดตัวไลน์อัพทีวีรุ่นปี 2024 ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์คือ OLED ทีวี แบบไร้สายขนาด 97 นิ้ว ราคา 1,099,990 บาท ส่วน SONY มี LED ทีวี BRAVIA 7 MINI ขนาด 85 นิ้ว ให้สีดำที่ลึกขึ้นและส่วนสว่างจะสว่างยิ่งขึ้นกว่าหน้าจอแบบ FULL ARRAY LED ทั่วไป เหมาะกับการรับชมภาพยนตร์ เสมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัวอยู่ที่บ้าน ราคา 124,990 บาท
ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว SMEG ส่งเตาอบ OMNICHEF ที่มี 3 ฟังก์ชั่นหลักอย่าง การอบแบบปกติ (TRADITIONAL) การอบไอน้ำ (STEAM) และไมโครเวฟ (MICROWAVE) ไว้ในเครื่องเดียว ในราคา 450,000 บาท ขณะที่ TEMPTECH มีตู้แช่ไวน์ LA SOMMELIERE ECELLAR185 พร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อข้อมูลไวน์ในตู้ ผ่านแอปพลิเคชั่น VINOTAG ช่วยให้ดูแลไวน์ได้มีประสิทธิภาพ เหมือนมีซอมเมอริเยร์คอยให้คำแนะนำ ราคา 350,000 บาท
สำหรับสินค้าไอที HP ส่ง PAVILION AERO LAPTOP หน้าจอขนาด 13 นิ้ว น้ำหนักเบาพิเศษ โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 KG เพิ่มความสะดวกในการพกพา
โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสินค้าใหม่อื่น ๆ จากแบรนด์ต่าง ๆ ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง