
คอลัมน์ : Market Move
หลังจากที่ฟูจิฟิล์มโฟกัสกับการปลุกปั้นธุรกิจสุขภาพอย่างยาและอุปกรณ์การแพทย์ หวังให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่และตัวผลักดันการเติบโตมาหลายปี ล่าสุดสถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อ กล้องซีรีส์ X100 ฮิตติดตลาดและมีดีมานด์มหาศาลจนสินค้าขาดตลาดเพราะผลิตไม่ทัน พร้อมหนุนระดับกำไรของธุรกิจกล้องให้พุ่งแซงธุรกิจสุขภาพ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กระแสฮิตถล่มทลายของ Fujifilm X100 กล้องดิจิทัลสไตล์เรโทรหรือย้อนยุค ช่วยปลุกกำไรของหน่วยธุรกิจโซลูชั่นการถ่ายภาพ (Imaging Solution) ของฟูจิฟิล์มให้พุ่งสูงขึ้น จนแซงธุรกิจสุขภาพและกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เมื่อปีงบฯ 2023 (สิ้นสุด มี.ค. 2024) ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรนิวไฮหรือสูงสุดในรอบหลายปี
โดยยอดขายกล้องรุ่น X100V มีส่วนหนุนให้ปีงบฯ 2023 ธุรกิจโซลูชั่นด้านภาพมีสัดส่วนเพิ่มจาก 27% เป็น 37% ของกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งบริษัท
ส่วนปีงบฯ 2024 นี้ ฟูจิเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจนสินค้าไม่พอขายของกล้องรุ่น X100V โดยไม่เพียงเปิดตัวกล้องรุ่นถัดมาอย่าง X100VI แต่ยังเพิ่มกำลังผลิตในประเทศจีนขึ้นเป็น 2 เท่าของรุ่นก่อนหน้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่านี้ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุประมาณ 20 ปี ที่ทุ่มเงิน 1,599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.8 หมื่นบาท ซื้อกล้องรุ่นนี้จนขาดตลาดอีกครั้ง
“ยูจิโร่ อิการาชิ” ผู้จัดการกลุ่มการถ่ายภาพมืออาชีพของฟูจิฟิล์ม กล่าวว่า ยอดสั่งสินค้าสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ จนทำให้แม้จะเพิ่มกำลังผลิตเผื่อไว้แล้ว แต่สินค้ายังคงไม่เพียงพออยู่ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับปีงบฯ 2024 นี้ ฟูจิฟิล์มคาดการณ์ว่า ยอดขายของธุรกิจโซลูชั่นการถ่ายภาพจะเติบโตช้าลงเหลือเพียง 2.2% หลังปีก่อนหน้าเติบโตได้ถึง 14.5% ส่วนกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจนี้จะลดลง 1.9%
แต่ด้านนักวิเคราะห์กลับมองว่า การคาดการณ์ของฟูจิฟิล์มครั้งนี้ถ่อมตัวเกินไป โดย “มาซาฮิโระ นากาโนะเมียว” นักวิเคราะห์ของ Jefferies อธิบายในรายงานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนว่า ธุรกิจดูแลสุขภาพและนวัตกรรมทางธุรกิจยังมีความเสี่ยงด้านลบแตกต่างจากธุรกิจโซลูชั่นการถ่ายภาพที่ยังมีปัจจัยบวก
ขณะเดียวกันฟูจิฟิล์ม อาจมองสภาพสินค้าขาดตลาดนี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย เมื่อ “เทอิจิ โกโตะ” ผู้บริหารระดับสูงของฟูจิฟิล์ม กล่าวในการรายงานผลประกอบการของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ว่า บริษัทกำลังพยายามอย่างหนักที่จะเร่งกำลังการผลิตทั้งจำนวนไลน์การผลิตและพนักงาน แต่อาจไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
และคงจะน่าเสียดายถ้าเราผลิตสินค้าออกมามากเกินไปจนทำให้ลดราคาลง ซึ่งเสมือนบอกใบ้กลาย ๆ ว่า จะรักษาระดับกำลังผลิตนี้เอาไว้ก่อน รวมถึงยกตัวอย่างแบรนด์กล้อง-อุปกรณ์ถ่ายภาพระดับพรีเมี่ยมอย่าง ไลก้า ที่ใช้ความหายากมารักษาความพรีเมี่ยมของสินค้า
สำหรับสาเหตุของความสำเร็จของกล้องซีรีส์ X100 นั้น มีผู้เชี่ยวชาญทั้งในวงการกล้องและวงการวัฒนธรรมวิเคราะห์เอาไว้ว่า กล้องที่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2011 ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามกอบกู้แผนกกล้องระดับมืออาชีพของฟูจิฟิล์มนี้ กลับโดนใจผู้บริโภคและผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพทั่วไป เพราะดีไซน์สไตล์ย้อนยุคคล้ายกล้องฟิล์ม
“มาร์ก คอนดอน” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อุปกรณ์กล้อง Shotkit กล่าวว่า ดีไซน์ที่เลียนแบบกล้องฟิล์มทำให้ในยุคปี 2011 กล้องซีรีส์ X100 มีรูปลักษณ์ค่อนข้างปฏิวัติวงการกล้อง
สอดคล้องกับความเห็นของ “ดับเบิลยู. เดวิด มาร์กซ” นักเขียนด้านวัฒนธรรมที่อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่กล่าวว่า คอนเซ็ปต์สำคัญของการออกแบบสไตล์เรโทรอยู่ที่การที่ผู้ใช้ได้มีประสบการณ์กับสินค้าผ่านการจับถือและมีการควบคุมค่าต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนทำให้การถ่ายภาพง่ายมากเสียจนคุณค่าของภาพถ่ายลดลงไป
แต่การได้ใช้งานกล้องจริง ๆ รวมถึงการเลือกฟิล์มที่ใช้ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงคุณค่าของการถ่ายภาพอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงการถ่ายเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันไม่ใช่การรับงานหรือเป็นอาชีพก็ตาม
อีกปัจจัยที่ทำให้ความนิยมของกล้อง ซีรีส์ X100 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมาจากช่วงที่การท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 นั้น อินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย อย่าง ติ๊กต๊อก อินสตาแกรม ฯลฯ ต่างมองหาอุปกรณ์ที่จะมาเป็นเครื่องแสดงสถานะ ซึ่งกล้องซีรีส์ X100 ตอบโจทย์นี้ได้
“เบนจามิน ลี” เจ้าของบัญชีติ๊กต๊อก @itchban ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 6 แสนคน ให้ความเห็นว่า นอกจากกล้องซีรีส์ X100 จะเป็นกล้องที่ดีแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับอีกด้วย
จากนี้ต้องรอดูกันว่า ฟูจิฟิล์มจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตกล้องรุ่น X100 ได้รวดเร็วแค่ไหน และจะสามารถรักษาสถานะพรีเมี่ยมของกล้องรุ่นนี้เอาไว้พร้อมกันด้วยได้หรือไม่ และด้วยยุทธศาสตร์อย่างไร