“ฮาคูโฮโด” เผย ส.ค. คนไทยรัดเข็มขัดแน่นไม่เสียไม่ซื้อใหม่

แม้เดือนสิงหาคมนี้จะเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลวันแม่ แต่การจับจ่ายของผู้บริโภคไทยในปี 2567 นี้ อาจไม่คึกคักเท่าปีก่อน ๆ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้เม็ดเงินในกระเป๋าของผู้คนมีไม่มากนัก กลายเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่ต้องหากลยุทธ์มาปลุกการจับจ่ายและสร้างการเติบโต

โดยสถาบันวิจัยฮาคูโฮโดเผยคาดการณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคชาวไทยในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ พร้อมเสนอแนวทางที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดสามารถนำไปใช้เพื่อปลุกการจับจ่ายให้กับธุรกิจของตน

“หทัยพันธ์ เจริญถาวรลาภ” รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) กล่าวถึงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคไทยว่า คะแนนการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทยในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่หันมาลดค่าใช้จ่าย เน้นการจ่ายเพื่อสิ่งของที่จำเป็นต่อตนเองและครอบครัว ส่วนสินค้าใหม่ ๆ จะซื้อต่อเมื่อต้องทดแทนของเดิมที่ชำรุด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้บริโภคบางส่วนที่หวังว่าสถานการณ์ทางการเงินจะดีขึ้น จึงเลือกใช้จ่ายเพื่อการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ

ในสถานการณ์เช่นนี้ “หทัยพันธ์” แนะว่า นักการตลาดและผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์การตลาดและการจัดแคมเปญเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่าย และใช้ประโยชน์จากโอกาสพิเศษอย่างบรรยากาศเทศกาลวันแม่อย่างเต็มที่จนวันสุดท้ายของเดือน

โดยมี 2 ยุทธศาสตร์หลัก คือ การใช้ข้อมูลอินไซต์มาสร้างกิจกรรมที่เสริมความสัมพันธ์แม่และลูก ให้ตรงใจผู้บริโภคทั้ง 3 Gen เช่น การแจกมินิพวงกุญแจมาลัยทองคำสำหรับ Top spender ชาว Gen X, นำเสนอ กิจกรรม Photography Travel Tours ให้ลูก Gen Y พาแม่เที่ยวพร้อมได้รูปสวย และ My Mom-My Angel Chef table workshop ให้ลูก Gen Z และคุณแม่ สร้างสรรค์คอร์สอาหารในแบบของตัวเอง

เนื่องจากผู้บริโภคแต่ละ Gen มีนิยามของคำว่าแม่ และการแสดงออกที่ไม่เหมือนกัน โดยคน Gen X แม่เป็นพระในบ้านและผู้ให้กำเนิด มักตอบแทนด้วยการแสดงออกถึงความรักแม่ตามขนบธรรมเนียมไทย เช่น การให้พวงมาลัย

ส่วน Gen Y นั้นแม่คือ ผู้หญิงแกร่งผู้เสียสละเพื่อลูก จึงมักพาไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ และชวนถ่ายรูปสวย ๆ ด้าน Gen Z แม่คือ ทุกอย่างทั้งฮีโร่และเพื่อน จึงแสดงออกถึงความรักแบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง พาไปทำกิจกรรมที่ลดช่องว่างระหว่างวัย ไม่ว่าจะเป็นการกอด หอมแก้ม ชวนไปเวิร์กช็อป หรือชวนกันไปเสริมสวย เป็นต้น

พร้อมต่อยอดการประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังต้องซื้อของใช้จำเป็นแทนชิ้นที่พังแล้ว รวมกับสภาพหน้าฝนที่มีโรคระบาดต่าง ๆ เยอะ มาสร้างโปรโมชั่น “เก่าแลก (สุขภาพ) ใหม่” ให้ลูกค้าสามารถนำสินค้าเก่าที่หมดอายุการใช้งานแล้วเข้ามาแลกหรือรับส่วนลดซื้อสินค้ากีฬา หรือ Voucher คลาสออกกำลังเพื่อสนับสนุนสุขภาพ

“เชื่อว่าผลการศึกษานี้ จะช่วยให้นักการตลาดและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำไปจัดแคมเปญหรือโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกในช่วงเดือนแห่งเทศกาลวันแม่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”