ทำไมยักษ์ค้าปลีกแคนาดาอยากเทคโอเวอร์บริษัทแม่ 7-Eleven

7-Eleven japan

วิเคราะห์เหตุผล ทำไม Alimentation Couche-Tard ยักษ์ค้าปลีกแคนาดาถึงพยายามเทคโอเวอร์ Seven & i Holding บริษัทแม่ของ 7-Eleven ทั่วโลก และโอกาสปิดดีลนี้มีมากน้อยแค่ไหน ต้องผ่านด่านอรหันต์อะไรบ้าง

วันที่ 25 สิงหาคม 2567 ความพยายามซื้อกิจการ Seven & i Holding บริษัทแม่ของ 7-Eleven ทั่วโลกโดย Alimentation Couche-Tard บริษัทค้าปลีกสัญชาติแคนาดานั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการธุรกิจทั่วโลก ทั้งด้วยโอกาสที่จะให้เกิดยักษ์สะดวกซื้อรายใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น รวมถึงมูลค่าดีลที่อาจเป็นการซื้อกิจการญี่ปุ่นโดยต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

Alimentation Couche-Tard เป็นใคร

Alimentation Couche-Tard หรือ Couche-Tard อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูคนไทย แต่บริษัทสัญชาติแคนาดารายนี้เป็น บริษัทค้าปลีกที่มีมูลค่าสูงสุดของแคนาดา

โดยมีเชนร้านสะดวกซื้อ 3 แบรนด์ในมือ คือ Couche-Tard, Circle K และ Ingo มีสาขารวมกันกว่า 16,700 สาขา ใน 31 ประเทศ อาทิ อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง ยุโรปเหนือ ตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ฯลฯ

อย่างไรก็ตามแม้ Couche-Tard จะมีจำนวนสาขาและยอดขายน้อยกว่า Seven & i Holding แต่มีมูลค่าบริษัทสูงกว่า โดย Couche-Tard มีร้านสะดวกซื้อประมาณ 16,700 สาขา สร้างยอดขาย 6.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าบริษัท 5.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วน Seven & i Holding มีร้านสะดวกซื้อประมาณ 85,000 สาขา สร้างยอดขาย 7.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าบริษัท 3.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ADVERTISMENT

สำหรับสาเหตุที่ Seven & i Holding มีมูลค่าบริษัทน้อยกว่า Couche-Tard นั้น นักวิเคราะห์และนักลงทุน มองว่า เป็นเพราะสถานะและการทำธุรกิจแบบเครือบริษัทซึ่งมีธุรกิจหลากหลายเกินไป อาทิ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ธนาคาร ฯลฯ จนขาดประสิทธิภาพ สะท้อนจากข้อมูลของ QUICK FactSet ที่ระบุว่า Couche-Tard มีผลตอบแทนจากเงินลงทุน 11% ส่วน Seven & i Holding มีผลตอบแทนจากเงินลงทุนเพียง 3% เท่านั้น

ทำไม Couche-Tard อยากได้ Seven & i Holding

สาเหตุของความพยายามซื้อกิจการ Seven & i Holding บริษัทแม่ของ 7-Eleven ทั่วโลกนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เป็นความพยายามขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งสหรัฐอเมริกา และเอเชีย รวมไปถึงการเข้าถึงไลน์อัพสินค้าคุณภาพดีที่ 7-Eleven มีอยู่เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มอัตรากำไร

ADVERTISMENT

“แบร์รี่ ชวาร์ตซ์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนและผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Baskin Wealth Management ให้ความเห็นว่า การซื้อกิจการนี้ Couche-Tard จะได้ประโยชน์ 2 ด้าน คือ การกลายเป็นผู้เล่นเบอร์หนึ่งด้านจำนวนสาขา

อีกด้านคือ หากปิดดีลนี้ได้ จะสามารถเข้าถึงโนว์ฮาวน์และซัพพลายเออร์มาช่วยให้สามารถพัฒนาร้านในเครือ เช่น Circle K ตามแบบญี่ปุ่นด้วยสินค้าและอาหาร-เครื่องดื่มคุณภาพสูง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก

โดย “ไดอาน่า โรเซโร พีน่า” นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence อธิบายว่า เนื่องจากในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ร้านสะดวกซื้อยังคงผูกพันใกล้ชิดกับปั๊มน้ำมัน ซึ่งผู้ประกอบการปั๊มมักใช้การลดราคาน้ำมันเพื่อดึงดูดลูกค้า และสร้างกำไรทดแทนด้วยรายได้จากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั๊ม

ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อกิจการเป็นหนึ่งในแนวทางการขยายธุรกิจของ Couche-Tard ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าซื้อกิจการต่าง ๆ ทั้งร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลังเปิดเผยความพยายามซื้อ Seven & i Holding เพียง 1 วัน บริษัทประกาศซื้อกิจการ GetGo Café + Market หรือ GetGo ร้านสะดวกซื้อสัญชาติสหรัฐที่มีสาขาประมาณ 270 สาขาใน 5 รัฐจากบริษัท Giant Eagle คาดว่าจะปิดดีลได้ในปี 2025

และเมื่อปี 2023 บริษัทยังซื้อกิจการปั๊มน้ำมันในยุโรปกว่า 2,000 แห่งจาก TotalEnergies ด้วยเม็ดเงิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไปก่อนแล้ว

มีโอกาสปิดดีลแค่ไหน

ดีลการเข้าซื้อกิจการ Seven & i Holding นี้อาจยังต้องฝ่าด่านอรหันต์อีกหลายชั้น เพราะนอกจากการพิจารณาของคณะกรรมการพิเศษที่ตั้งโดย Seven & i Holding แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าดีลนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลญี่ปุ่นอีกด้วย

เนื่องจากตามกฎหมายการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการค้าต่างประเทศฉบับแก้ไขเมื่อปี 2020 นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าถือหุ้นในบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจด้านป้องกันประเทศ, พลังงานนิวเครียส์, ปริโตเลียม, แก๊ส, ยา และความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะต้องถูกตรวจสอบก่อน

ทั้งนี้เพื่อป้องกันการนำเทคโนโลยีในธุรกิจสำคัญเหล่านี้ไปใช้ในทางการทหาร และรักษาความมั่นคงของประเทศ เพราะธุรกิจกลุ่มนี้ยากจะหาซัพพลายรายอื่นมาทดแทนได้

สำหรับกรณีของ Seven & i Holding แม้ดูเผิน ๆ อาจไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายฉบับนี้ แต่ด้วยการเป็นบริษัท Holding ที่มีมากกว่าร้อยบริษัทอยู่ในเครือ ทำให้มีบางส่วนเข้าเงื่อนไขของกฎหมายฉบับนี้

โดย กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ระบุว่า ในบรรดา 180 บริษัทในเครือ Seven & i Holding มีบริษัทด้านให้บริการความปลอดภัยรวมอยู่ด้วย ซึ่งเข้าตามกรอบของกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ด้วยเหตุนี้ Couche-Tard จะต้องผ่านการรับรองจากรัฐบาลญี่ปุ่น ก่อนจะสามารถเข้าถือหุ้นของ Seven & i Holding ได้

นอกจากอุปสรรค์ในญี่ปุ่นแล้ว ดีลนี้อาจต้องเจออุปสรรค์ในตลาดอเมริกาเหนือด้วย เนื่องจากปัจจุบัน Couche-Tard มีสาขาร้านสะดวกซื้อในสหรัฐอเมริกาและแคนาดารวมกันประมาณ 9,000 สาขา ส่วน Seven & i มีสาขามากกว่า 13,000 สาขา ทำให้การควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทอาจถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามหากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการซื้อกิจการบริษัทญี่ปุ่น โดยต่างชาติที่มีมูลค่าสูงที่สุดด้วยตัวเลขที่อาจจะสูงถึง 3.1-3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกด้วย

จึงต้องรอดูกันว่า หลังจากนี้ Seven & i Holding จะมีความเคลื่อนไหว-การตัดสินใจอย่างไร และดีลนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ รวมถึงจะส่งผลอย่างไรต่อวงการร้านสะดวกซื้อทั่วโลก

ที่มา : Bloomberg 1, Bloomberg 2, Bloomberg 3, Nikkei Asia