บิ๊กสเต็ป “เจดี เซ็นทรัล” เปลี่ยนเกมอีคอมเมิร์ซ…ปั้นไทยฮับอาซียน

ทันทีที่กลุ่มเซ็นทรัลบิ๊กค้าปลีกประกาศร่วมทุนกับ JD.com ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก-อีคอมเมิร์ซจากจีน ด้วยเม็ดเงินลงทุน 17,500 ล้านบาท เพื่อปั้นแพลตฟอร์มใหม่ขายออนไลน์ในชื่อ JD.co.th ได้สร้างแรงกระเพื่อมในเมืองไทยไม่น้อย

ล่าสุด JD.co.th เตรียมลอนช์เปิดตัวเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายนนี้ หลังเทสต์ระบบทดลองใช้ในองค์กร

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ 2 คีย์แมนในการขับเคลื่อนองค์กร “หยาง ฉีคุณ” ประธานกรรมการบริหาร เจดีเซ็นทรัล และ “โชดก พิจารณ์จิตร” ลูกชายคนโตของ “ยุวดี จิราธิวัฒน์” ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารสินค้า เจดีเซ็นทรัล

เล็ง EEC-ปั้นไทยฮับอาเซียน

“หยาง ฉีคุณ” ฉายภาพว่า อีคอมเมิร์ซไทยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากและเป็นโอกาสที่ผู้เล่นรายใหม่ ๆ จะเข้ามาเป็นทางเลือกขยายธุรกิจให้เติบโต ซึ่งเจดีเซ็นทรัลมีความแข็งแกร่งสามารถตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์ ทั้งเชื่อมั่นในตัวสินค้า, การชำระเงิน และขนส่ง เป็นพื้นที่กระจายสินค้ารองรับกลุ่มคู่ค้าเอสเอ็มอีจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซ

ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสจะนำธุรกิจอื่น ๆ ของเจดีมาเสริมทัพ อาทิ ระบบการเงิน ขนส่ง เข้ามาตั้งฐานในไทย ซึ่งการร่วมทุนของเซ็นทรัลกรุ๊ป และกลุ่มเจดี มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (17,500 ล้านบาท) จะพัฒนาและวางโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง ทั้งระบบบริหารสินค้า, โกดังอัตโนมัติ และวางเครือข่ายระบบโลจิสติกส์ การสร้างสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค

“เรากำลังเจรจากับรัฐบาลเรื่องโครงการอีอีซี ว่าจะทำอะไรอย่างไร ตามแผนเราต้องการสร้างอีคอมเมิร์ซแบบวันสต็อปเซอร์วิส ด้วยเป้าหมายสร้างรายได้ 1 แสนล้านภายใน 5 ปี และปั้นเมืองไทยเป็นฮับของเจดีดอทคอมในภูมิภาคอาเซียน”

แก้ปม “ความเชื่อมั่น”

การขายออนไลน์ของเจดีเซ็นทรัลจะเน้นตอบโจทย์และแก้ปัญหาความเชื่อมั่นในตัวสินค้าและบริการของตลาด โดยใช้ระบบการชำระเงินและการขนส่งที่เป็นจุดขายของเจดีเข้ามา ทั้งสร้างความเชื่อมั่นจากนโยบายไม่ขายสินค้าปลอม เน้นบริการรวดเร็วทั้งคู่ค้าและผู้บริโภค ด้วยเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

พร้อมตอบสนองดีมานด์ผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งต้องการสินค้าไทยหลายชนิดมาร่วมวางขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน ข้าวหอมมะลิ พริกไทยดำ ที่ได้รับความนิยม สะท้อนจากยอดขายใน JD.com เติบโตถึงไตรมาสละ 50% รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยกว่า 10 ล้านคนต่อปี บริษัทจะผลักดันและอำนวยความสะดวกเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ค้าชาวไทยขายสินค้าไปยังผู้บริโภคชาวจีนโดยตรงไม่ต้องผ่านคนกลาง ให้รวดเร็ว กำไรสูงขึ้น

ขนทุเรียน 5 แสนลูก ปลุกอีเวนต์

ปัจจุบันเอสเอ็มอีไทยยังไม่สามารถเข้าถึงอีคอมเมิร์ซและตลาดต่างประเทศซึ่งผู้ประกอบการไทยบน JD ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับดีมานด์ จึงหวังว่าเมื่อเปิดบริการแล้วจะมีเอสเอ็มอีไทยเข้าร่วมคึกคักเพื่อส่งสินค้าไปขายในจีนมากขึ้น พร้อมจับมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น จับบิ๊กอีเวนต์สินค้าไทยบน JD.com โดยเน้นโปรโมตสินค้าไทยในจีน เช่น ทุเรียนกว่า 5 แสนลูก ข้าว 200 ตัน เข้าไปสร้างการรับรู้และช่วยขยายตลาด

“อีก 3-5 ปี ตัวเลขนำเข้าและซื้อขายสินค้าจากไทยจะมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท”

เน้นวันสต็อปเซอร์วิส

“โชดก พิจารณ์จิตร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารสินค้า เจดีเซ็นทรัล กล่าวเพิ่มเติมว่า แพลตฟอร์มออนไลน์นี้จะเป็นวันสต็อปเซอร์วิสรวมศูนย์ทั้งการขายสินค้าแบบร้านค้าออนไลน์ จะมีสินค้าจากบียูกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลร่วมด้วย อาทิ เพาเวอร์บาย ซูเปอร์สปอร์ต ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น อีกรูปแบบคือโมเดลมาร์เก็ตเพลซ เป็นพื้นที่ขายที่ดึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมาเข้าร่วม

นอกจากนี้จะขยายไปสู่ธุรกิจบริการอื่น ๆ ครบวงจร อาทิ บริการจองตั๋ว จ่ายบิล อีวอลเลต ซึ่งทั้งหมดจะรวมไว้ในแพลตฟอร์มนี้ที่เดียว บทบาทของบริษัทรับหน้าที่บริหารงานเกี่ยวกับการขายทั้งหมด การรับ-ส่งสินค้า โดยมีทีม JDC Express และพาร์ตเนอร์ภายนอกร่วมงานกัน และยังมีรูปแบบจัดฝึกอบรมให้คู่ค้า ร่วมกันวางกลยุทธ์การทำตลาดทั้งการขายในประเทศและต่างประเทศ

จ่ายน้อย-เปิดร้านง่าย

โดยชูจุดเด่นสร้างความเชื่อมั่นและบริการ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและคู่ค้าซัพพลายเออร์ จะเป็นการการันตีสินค้าของแท้ 100% และจะได้รับสินค้าภายใน 1 วันถัดไป จากที่สั่งซื้อสำหรับพื้นที่ กทม. และไม่เกิน 3 วันสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงบริการส่งสินค้าแบบไม่จำกัดขนาด และรับสินค้าจากผู้ขายถึงที่ เพื่อสร้างสีสันปลุกตลาดต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การตลาดหลากรูปแบบ ทั้งแฟลชเซล เอาต์เลตเซล หรือกิจกรรมเล่นเกมแลกคูปองส่วนลด เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้มากที่สุด

“ค่าใช้จ่ายของซัพพลายเออร์ที่จะเข้ามาขาย จะคิดค่าคอมมิสชั่น 2-7% และเพย์เมนต์ฟี 2% ส่วนการส่งสินค้าไม่คิดค่าใช้จ่าย หากใช้บริการของ JDC Express และใช้เวลาในการเปิดร้านเพียง 1-2 สัปดาห์”

ทั้งหมดเป็นการจัดทัพและบุกตลาดเต็มรูปแบบของ “เซ็นทรัล-เจดีกรุ๊ป” ที่เตรียมเขย่าตลาดอีคอมเมิร์ซให้ร้อนแรงขึ้นอีก