“วอริกซ์” เปิดแผนปลุกดีมานด์ ปั้นทัพ 1,000 นักไลฟ์ ชิงเค้กสปอร์ตแฟชั่น

Warrix

วอริกซ์ฯเปิดยุทธศาสตร์สร้างดีมานด์ 3 ชั้น ตั้งอะคาเดมีไลฟ์สดปั้นทัพนักไลฟ์ 1,000 ชีวิตปูพรมขายสินค้าเจาะทุกเซ็กเมนต์ พร้อมจัดงานวิ่งเทรลปลุกดีมานด์รองเท้า-ชุดวิ่ง ด้านไลฟ์สไตล์เดินสายคอลแลบส์คน-แบรนด์ดังสร้างแม็กเนตขยายฐานลูกค้า ชิงเม็ดเงิน-ทำเลทองศูนย์การค้า เสริมแผนขยายฐานสู่สปอร์ตไลฟ์สไตล์ มั่นใจสิ้นปี’67 รายได้โตไม่น้อยกว่า 20%

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวโน้มของตลาดสินค้ากีฬาในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และยุทธศาสตร์ใหม่ของบริษัทที่จะสปีดการเติบโตด้วยการสร้างดีมานด์ใหม่ ไปพร้อมกับการรุกคืบขยายฐานลูกค้าจากตลาดสินค้ากีฬาไปสู่สปอร์ตไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพการเติบโตสูงมาก

โดยสิ้นปี 2567 นี้ ตลาดสินค้ากีฬาจะมีมูลค่าประมาณ 207,888 ล้านบาท เติบโต 13% จากปี 2566 แบ่งสัดส่วนเป็นกีฬาฟุตบอล 38% วิ่ง 24% วอลเลย์บอล 17% แบดมินตัน 14% และมวย 7% สำหรับครึ่งหลังของปี 2567 มีแนวโน้มเป็นบวก เนื่องจากกลุ่มฟุตบอลและวิ่งที่เป็นสัดส่วนใหญ่ยังมีปัจจัยหนุนจากการแข่งขันรายการใหญ่ อาทิ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน การแข่งฟุตซอลโลก งานวิ่งต่าง ๆ ซึ่งมักจัดในช่วงปลายปี ขณะที่กระแสสปอร์ตแฟชั่นหรือสปอร์ตไลฟ์สไตล์ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ช่วยสร้างดีมานด์สินค้าไลฟ์สไตล์

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายที่ผู้เล่นในวงการทั้งแบรนด์สินค้าและร้านค้า โดยเฉพาะกลุ่มแมสต้องรับมืออย่างการแข่งขันกับแบรนด์และสินค้าจากจีนที่ใช้จุดแข็งด้านราคาเข้ามาชิงเม็ดเงินในเซ็กเมนต์ระดับแมส เช่นเดียวกับสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้ายากขึ้น รวมไปถึงช่องทางจำหน่าย ซึ่งถูกดิสรัปต์จากการไลฟ์สดหรือไลฟ์คอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากขึ้น กระทบต่อร้านค้าปลีกและโครงสร้างการจัดจำหน่ายสินค้า

ตั้งอะคาเดมีผลิตนักไลฟ์

สำหรับทิศทางของวอริกซ์ฯนั้น นายวิศัลย์เปิดเผยว่า จะใช้ยุทธศาสตร์สร้างเลเยอร์ 3 เลเยอร์ เพื่อสร้างนิวดีมานด์ สร้างยอดขาย และลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ด้วยการพลิกการดิสรัปต์ช่องทางจำหน่ายให้เป็นโอกาสปลุกยอดขาย การสร้างดีมานด์สินค้าด้วยการจัดอีเวนต์แข่งขันกีฬา ไปพร้อมกับเสริมแกร่งแผนการขยายฐานจากแบรนด์สินค้ากีฬาไปสู่แอ็กทีฟไลฟ์สไตล์ เพื่อชิงเม็ดเงินจากตลาดสปอร์ตไลฟ์สไตล์ซึ่งใหญ่และเติบโตรวดเร็ว

โดยเลเยอร์แรก ซึ่งจะพลิกการดิสรัปต์ช่องทางจำหน่ายนั้นมีไฮไลต์เป็นการตั้งอะคาเดมี หรือสถาบันฝึกและผลิตนักไลฟ์สด ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย นิคอนที่สนับสนุนด้านโซลูชั่นอุปกรณ์ ติ๊กต๊อกมาสนับสนุนด้านโนว์ฮาว ส่วนบริษัทสนับสนุนด้านสินค้าและพื้นที่บริเวณชั้น 2 ของสำนักงานใหญ่ สเตเดียมวัน รวมถึงโนว์ฮาวที่ได้จากความร่วมมือกับไฮแม็ก (HIMAXX) ยักษ์ค้าปลีกสัญชาติจีนผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์คอมเมิร์ซ ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดทำการได้ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 นี้ และในระยะแรกตั้งเป้าผลิตนักไลฟ์สดประมาณ 1,000 คน

ADVERTISMENT

ด้านช่องทางออฟไลน์จะใช้พ็อปอัพสโตร์ขนาด 50-100 ตร.ม. เป็นหัวหอกในการขยายสาขา เพื่อใช้ข้อได้เปรียบอย่างความคล่องตัวและการลงทุนที่ไม่สูงนัก ช่วยให้สามารถทดสอบความเหมาะสมของทำเลใหม่ ๆ ได้ง่ายและลดความเสี่ยงในการตั้งสาขาถาวร

ควบคู่กับการใส่สินค้าแม็กเนต เช่น สินค้าคอลแลบส์กับแบรนด์-ศิลปินดัง เข้าไปเป็นไฮไลต์ในแต่ละสาขา เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับให้เข้ามาช็อป และเพิ่มโอกาสขายสินค้าไลน์อัพอื่น ๆ ไปพร้อมกัน เช่น สินค้าคอลแลบส์กับ Zillyb อดีตสมาชิกวงบอดี้สแลม จะช่วยดึงดูดแฟนคลับมาที่ร้าน ซึ่งอาจซื้อเลื้อโปโล หรือสินค้าอื่น ๆ ด้วย

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคยังช่วยจูงใจให้เจ้าของพื้นที่จัดสรรทำเลศักยภาพสูงในย่านเดียวกับอินเตอร์แบรนด์ให้กับบริษัทอีกด้วย

“ความสำคัญและศักยภาพของไลฟ์คอมเมิร์ซนั้นเห็นได้ชัดเจนจากยอดขายของบริษัทเอง ซึ่งขณะนี้ยอดขายจากนักไลฟ์ประมาณ 100 คนบนติ๊กต๊อกใกล้เคียงกับยอดขายจากร้านค้า 400-500 แห่งแล้ว”

จัดงานวิ่งปลุกดีมานด์สินค้า

สำหรับเลเยอร์ที่ 2 จะเป็นการสร้างดีมานด์สินค้าวิ่งทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าขึ้นมาเอง ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจผู้จัดงานวิ่งเทรลหรือการวิ่งในเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวการวิ่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น หลังนักวิ่งเริ่มอิ่มตัวกับการวิ่งถนนและต้องการความท้าทาย-ประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยใช้ชื่องานว่า WARRIX PRESENTED THAILAND EARTH TRAIL SERIES เน้นจุดเด่นเป็นจัดในอุทยานแห่งชาติในจังหวัดต่าง ๆ ปีละประมาณ 4 งาน

โดยปี 2567 นี้ จัดไปแล้ว 2 ครั้ง ที่กาญจนบุรี มีผู้เข้าร่วมระดับพันคน ส่วนงานที่ 2 จัดเมื่อต้นเดือนกันยายน ที่สระบุรี มีผู้สมัครมากกว่า 2,000 พันคน จากจำนวน 600 คนเมื่อปีที่แล้ว ส่วนสนามอื่น ๆ มีคนจองเพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน สะท้อนความสำเร็จของการสร้างดีมานด์ใหม่ และคอมมิวนิตี้กีฬาใหม่ ๆ

“เราได้แรงบันดาลใจจากการเห็นศักยภาพของการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลในการสร้างกระแสรับรู้และดีมานด์สินค้าของเรา จึงต่อยอดด้วยการลงมือเป็นผู้จัดงานแข่งขันวิ่งเอง เพื่อปลุกดีมานด์รองเท้าวิ่ง ซึ่งเป็นสินค้าที่เราจะโฟกัสมากขึ้นตั้งแต่ปี’67 นี้ เป็นต้นไป โดยจะมีรองเท้าซีรีส์ใหม่ ในช่วงไตรมาส 4 และปี 2568 จะมีรองเท้ามากขึ้นอีก สินค้าใหม่ ๆ เหล่านี้มาเติมพอร์ตและเติมเต็มให้ช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ด้วย”

ระดมคอลแลบส์บุกไลฟ์สไตล์

ในส่วนของเลเยอร์ที่ 3 จะเป็นการสร้างดีมานด์สินค้าสปอร์ตไลฟ์สไตล์ ด้วยการต่อยอดความแข็งแกร่งของวอริกซ์ฯในฐานะแบรนด์สินค้ากีฬาไปสู่สปอร์ตไลฟ์สไตล์ เนื่องจากสินค้าไลฟ์สไตล์ช่วยให้บริษัทเข้าถึงซับคัลเจอร์เซ็กเมนต์ในวงการต่าง ๆ ได้ เช่น แฟนเพลง แฟนคลับศิลปิน ท่องเที่ยว ไปจนกลุ่มงานอดิเรก เช่น บิ๊กไบก์ อาร์ตทอย ฯลฯ เพิ่มโอกาสให้สามารถชิงส่วนแบ่งในตลาดได้มากขึ้น

อีกทั้งการเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ยังเป็นเทรนด์หลักในวงการกีฬา สะท้อนจากการเปิดตัวชุดของสโมสรในอังกฤษ อย่าง แมนฯยูฯ ลิเวอร์พูล แมนฯซิตี้ ซึ่งโปรดักชั่นงานถ่ายแบบนักฟุตบอลไม่ได้ใส่เสื้อบอลกับกางเกงบอล หรือรองเท้าสตั๊ดแล้ว แต่ใส่กับกางเกงทั่วไป และสถานที่ถ่ายแบบก็ไม่ใช้สนามบอล แต่เป็นผับบาร์

บริษัทจึงนำแนวคิดนี้มาใช้กับการเปิดตัวเสื้อทีมชาติไทยปี 2024/25 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVERY MOVE MATTERS… เพราะทุก move ของคุณมีความหมาย” ในกลิ่นอายความย้อนยุค และเรโทร ผ่านการถ่ายแบบในบ้านทรงไทย นายแบบใส่เสื้อบอลกับกางเกงยีนส์ เป็นต้น

หลังจากนี้จะเดินหน้าคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ ศิลปิน รวมถึงคนดังจากวงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าแม็กเนตใหม่ ๆ เช่นเดียวกับการใช้อินฟลูเอนเซอร์นอกเหนือจากนักกีฬา เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ นอกจากวงการกีฬา

ทั้งนี้ เชื่อว่ายุทธศาสตร์ใหม่นี้จะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทในปี 2567 นี้ ให้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% ตามที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมกับย้ำโพซิชั่นแบรนด์วอริกซ์ฯในฐานะแบรนด์แอ็กทีฟ ไลฟ์สไตล์ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น