ไทยเบฟคว้าธุรกิจ F&N เข้าพอร์ต เสริมแกร่งอาณาจักรเครื่องดื่ม หลังที่ผู้ถือหุ้นไฟเขียวสวอปหุ้นเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ กับเฟรเซอร์แอนด์นีฟ
วันที่ 21 กันยายน 2567 ไทยเบฟปิดดีลคว้าธุรกิจเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) หลังที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการสวอปหรือแลกเปลี่ยนหุ้นเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ กับหุ้นเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567
การสวอปหุ้นครั้งนี้จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับไทยเบฟในหลายด้าน ทั้งคาดการณ์รายได้ที่จะเพิ่มขึ้น ศักยภาพในธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม รวมไปถึงโพซิชั่นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดอาหาร-เครื่องดื่ม
การได้ถือหุ้นใหญ่ในเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟนั้น จะทำให้โพซิชั่น บริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มใหญ่ที่สุดในอาเซียนของไทยเบฟมั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยการทิ้งห่างจากผู้เล่นเบอร์ 2 อย่าง ซาน มิเกล ไกลกว่าเดิม
โดยสะท้อนจากช่วง 12 เดือน (สิ้นสุด 31 มี.ค. 67) ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มใหญ่ที่สุดในอาเซียนนั้น ไทยเบฟมีผลประกอบการ 278,532 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 คือ ซาน มิเกล เอฟแอนด์บี มีรายได้ 247,008 ล้านบาท หรือผลประกอบการห่างกัน 31,524 ล้านบาท
แต่เมื่อได้ธุรกิจเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ เข้ามาร่วมในพอร์ต เท่ากับว่ารายได้ของไทยเบฟจะเพิ่มเป็น 335,766 ล้านบาท ทิ้งห่างจาก ซาน มิเกล ถึง 57,234 ล้านบาท
ส่วนผู้เล่นอื่น ๆ ในกลุ่มท็อป 5 ประกอบด้วย อันดับ 3 เป็น อินโดฟู้ด ซีบีพี ซึ่งมีรายได้ 157,343 ล้านบาท อันดับ 4 คือ มาซาน กรุ๊ป มีรายได้ 114,731 ล้านบาท ส่วนอันดับ 5 เป็น ยูนิเวอร์ซัล โรบินา ที่มีรายได้ 104,178 ล้านบาท
เสริมแกร่งรุกตลาดเครื่องดื่ม 4 ประเทศสำคัญ
ไทยเบฟคาดการณ์ว่า เทรนด์สุขภาพจะทำให้ใน 4 ตลาดหลักของบริษัท คือ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ดีมานด์เครื่องดื่มแนวสุขภาพและผลิตภัณฑ์นมจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
โดยบริษัทคาดการณ์การเติบโตต่อปีช่วงปี 2023-2028 ของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในทั้ง 4 ตลาด ไว้ว่า ในไทยเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จะโต 6.21% ผลิตภัณฑ์นมจะโต 6.03% ส่วนเวียดนามเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จะโต 10.52% ผลิตภัณฑ์นมจะโต 8.82% ด้านมาเลเซียเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จะโต 5.96% ผลิตภัณฑ์นมจะโต 5.67% ขณะที่สิงคโปร์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จะโต 5.07% ผลิตภัณฑ์นมจะโต 4.99%
ดังนั้นการได้แบรนด์และสินค้าเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์นมของเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ อาทิ เครื่องดื่มเกลือแร่อัดลม 100 Plus, น้ำแร่ ICE Mountain, นมถั่วเหลือง Nutrisoy, ฯลฯ ซึ่งสามารถนำมาจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ ที่ไทยเบฟทำตลาดอยู่แล้ว จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ไทบเบฟยังสามารถเข้าถึงโครงการ “AgriValley” ฟาร์มโคนม ขนาด 2,726 เฮกตาร์ (ประมาณ 17,037.5 ไร่) ที่คาดว่าจะมีโคนมถึง 20,000 ตัว และผลิตน้ำนมได้กว่า 200 ล้านลิตร/ปี รวมถึงมีระบบอัตโนมัติ ระบบเกษตรผสมผสาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2568
โครงการนี้มาช่วยตอบโจทย์ความท้าทายจากสภาพเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของเงินริงกิตมาเลเซีย ด้วยการคุมต้นทุนผลิตภัณฑ์นมให้อยู่ในระดับแข่งขันได้ดีขึ้นอีกด้วย