
น้ำปั่นจากร้าน Oh! Juice กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งกับเมนูลับ “Angel’s Secret” กินเพียงแก้วเดียวก็ทำงานได้ทั้งวันในราคา 465 บาท พร้อมฟังความเห็นของโลกออนไลน์ที่มีทั้งเห็นว่า ราคาแพงเกินไป ไม่คุ้มค่าพอที่จะยอมจ่าย ขณะที่อีกกลุ่มมองว่า ราคาเหมาะสมกับวัตถุดิบที่ให้มา
วันที่ 24 กันยายน 2567 กลับมาเป็นกระแสให้พูดถึงอีกครั้งสำหรับน้ำปั่นจากร้าน “Oh! juice” กับเมนูลับในราคา 465 บาทที่ “เบญญาภาพ เตชะมณีสถิตย์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ชื่นชอบ อัดแน่นไปด้วยผัก, ผลไม้ และสารอาหารต่าง ๆ ที่จัดเต็ม มีคุณค่าทางโภชนาการสูงจนสามารถทำงานได้ทั้งวันกับการรับประทานเพียงแก้วเดียว
แม้ว่าน้ำปั่นจะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วในประเทศไทย แต่สำหรับน้ำปั่นรูปแบบใหม่ที่เพิ่มสารอาหารในรูปแบบผง และการตกแต่งแก้วสวยงามนั้น มีอิทธิพลมาจากน้ำปั่นจากร้านเอเรวอน (EREWON) ซูเปอร์มาร์เก็ตจำหน่ายสินค้าออร์แกนิกราคาสูงในเมืองแอลเอ สหรัฐอเมริกา โดยมี “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” คนไทยคนแรกที่ทำการรีวิวน้ำปั่นนี้ จนเกิดมาเป็นกระแสที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์แห่ไปรีวิวตาม ๆ กัน
ประกอบกับร้านในไทยมองเห็นโอกาสในการดึงดูดลูกค้าที่อยากลองทานแต่ไม่อยากเดินทางไกล เกิดเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์เมนูน้ำปั่นสีสันสวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายรูป ซึ่งสิ่งที่ได้รับอิทธิพลมานั้นไม่ได้มีเพียงสารอาหารรูปแบบผง หรือการเลือกวัตถุดิบให้ปั่นออกมาแล้วคงสีสันน่ารับประทาน
แต่รวมไปถึงราคาต่อแก้วที่สูงกว่าราคาตลาด ทำให้ทันทีที่ร้านน้ำปั่นหลายร้านออกเมนูเหล่านั้นออกมาก็จะได้รับการพูดถึงบนโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับร้าน “Oh! juice” ที่แม้จะเปิดร้านมาได้เกือบครึ่งปี ก็กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งกับคลิปวิดีโอเมนูลับ “Angel’s Secret” ของ “เบญญาภาพ เตชะมณีสถิตย์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ได้ออกมาบอกเล่าว่า
“ชื่นชอบเมนูนี้จึงจะเพิ่มวัตถุดิบที่ตัวเองชอบลงไปเยอะกว่าปกติ รวมถึงสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมตลอดทั้งวันในราคา 465 บาท”
ในเมนูประกอบด้วย นมอัลมอนด์, สตรอว์เบอรี่, อะโวคาโด, สับปะรด, เนื้อมะพร้าว, ผงคามูคามู (Camu Camu), ผงมัทฉะ, ผงสาหร่ายสไปรูลิน่า, ผักเคล, ผักรวม, ผง Skin Booster, ผงอะเซโรลาเชอร์รี, Burn&Fiber Booster, ปิดท้ายด้วยมัลติโปรตีน โดยเจ้าตัวบอกต่อว่า วัตถุดิบเหล่านี้มีวิตามินซีสูง และมีโปรตีนกว่า 50 กรัม ทำให้การดื่มน้ำปั่นแก้วเดียวมีพลังงานเพียงพอและสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน
ความเห็นจากโลกออนไลน์
หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกมาก็เกิดเป็นคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ราคาน้ำปั่นที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ/วัน และวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเมนูน้ำปั่น อาทิ
“หากคิดความคุ้มทุน 465 คือไปซื้อผลไม้จริง ๆ ทานได้ 5 ชนิด กินต่อไปอีก 5 วัน ส่วนสารอาหารอื่น ๆ ไปรับจากแหล่งอื่นก็เพียงพอต่อวัน เราคงไม่เหมาะกับสิ่งนี้เพราะเขาคงเลือกฐานลูกค้าแล้ว”
“แพงมาก ราคานี้กินข้าวได้ทั้งครอบครัว”
“ประโยชน์ ครบใน 1 แก้ว ราคา 465฿ ไม่แพง”
“ต้นทุนผลไม้ในไทยที่ปลูกได้ทั้งปี และต้นทุนไม่สูง แต่กลุ่มลูกค้าของพี่เค้าชัดเจนครับ ไม่ผิด”
“พวกน้ำผักผลไม้ปั่นใด ๆ ดูเหมือนเฮลตี้แต่จริง ๆ มันมีปริมาณสารอาหารบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับแต่ละคนด้วยนะ ลองเช็กดี ๆ ว่าร่างกายเราขาดอะไร หรือเป็นโรคอะไรอยู่จะกินผัก/วิตามินบางตัวเยอะเกินไม่ได้ สำคัญคือพวกนี้น้ำตาล (จากผลไม้) สูงมาก ๆ ไม่ต้องไปเชื่อการตลาดมาก”
“แต่มันก็ยังมีคนกินอยู่อะ ไม่รู้ว่าค่านิยม หรือรสนิยม เค้าก็เลยอัพราคาไปเรื่อย ๆ เพราะมันมีคนจ่ายได้ ส่วนเราก็ทำได้แค่ไม่อุดหนุนเพื่อหยุดฟันเฟืองอัพราคานี้ ต่อให้รู้สึกว่าวันนั้นมีเงินพร้อมจ่ายก็คงไม่จ่ายให้อยู่ดี”
“มีคนกินข้าวจานละ 50 และมีคนกินข้าวจานละ 400 ทั้ง ๆ ที่ก็ 1 อิ่มเหมือนกัน แต่การเลือกกินข้าวแพงก็ไม่ใช่เรื่องของความ “ฉลาดน้อย” กว่าการกินข้าวถูก เรื่องนี้จึงควรเป็น freedom of choice มากกว่า”
“อิ่มทั้งวันแหละ เพราะไม่มีตังค์กินอย่างอื่นแล้ว”
นอกจากนี้ยังมีความเห็นจาก “พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ออกมาให้ความรู้บนแพลตฟอร์ม X ว่า
น้ำปั่นที่ไม่แนะนำ
- ใส่ผงชื่อแปลก ๆ ที่ไม่ใช่ชื่ออาหารตามธรรมชาติ เป็นผงสังเคราะห์
- ใส่น้ำเชื่อม น้ำหวาน น้ำผลไม้สำเร็จรูป สารให้ความหวาน
- ใส่โปรตีนมาก จนเกินหนึ่งแก้วก็ครบโควตาโปรตีนของวันไปแล้ว
ทั้งนี้ราคาน้ำปั่นที่กล่าวมาของร้าน Oh! Juice มีราคาเริ่มต้น 190 – 280 บาท เปรียบเทียบราคาเมนูคล้ายกันกับร้านอื่นอย่าง Plantiful จะอยู่ที่ 180 – 250 บาท หรือร้าน ve/la มีราคา 195 – 325 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกัน หากแต่ไม่ใช่ระดับราคาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด น้ำปั่นที่มีราคาเกือบ 200 บาทขึ้นไปนี้จึงสามารถตีตลาดได้เพียงคนบางกลุ่มเท่านั้น
ล่าสุดกรรมการบริหาร บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ เปิดเผยในงาน Investor Roadshow เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ว่า ธุรกิจร้านน้ำปั่นนั้นใช้เงินลงทุนเพียง 3 ล้านบาท ซึ่งสำหรับผลประกอบการที่ผ่านมา Oh! Juice สร้างยอดขายกว่า 6.3 ล้านบาท กลายมาเป็นธุรกิจที่คืนทุนให้ตั้งแต่ครึ่งปีแรก และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสาขาให้ถึง 70 สาขา ภายในปี 2571
จากเป้าหมายนี้แสดงถึงทัศนะของบริษัทที่เล็งเห็นว่า ธุรกิจน้ำปั่นที่จำหน่ายในราคานี้สามารถเจาะตลาดได้อีกเรื่อย ๆ ไม่ได้จำกัดกลุ่มผู้บริโภคไว้เพียงแค่คนบางกลุ่มเท่านั้น ต่างจากความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่ที่บอกว่า เป็นราคาที่เอื้อมไม่ถึง และไม่คุ้มค่ามากพอ