เซ็นทรัล ยึด 2.2 ล้าน ตร.ม. โจทย์เปลี่ยน…การลงทุนเปลี่ยน

ตลอด 38 ปีที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” ได้ลงทุนสยายปีกธุรกิจไปทั่วประเทศ 32 ศูนย์การค้า มีผู้ใช้บริการกว่า 1.5 ล้านคนต่อวัน และเข้าถึงฐานลูกค้าด้วยบิ๊กดาต้า “เดอะวันการ์ด” กว่า 12 ล้านคน เช่นเดียวกับการสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการค้าปลีกมาต่อเนื่อง

“ปรีชา เอกคุณากูล” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ฉายภาพทิศทางการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโต สอดคล้องกับแผนการลงทุน 5 ปี (2022) ด้วยเม็ดเงิน 1 แสนล้านบาท

Q : เตรียมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ “อีอีซี” อย่างไร

เราศึกษาและดูอยู่ ถ้าภาครัฐสร้าง เราก็พร้อม เพราะปัจจุบันมีศูนย์การค้าในชลบุรี พัทยา ระยองอยู่แล้ว แผนลงทุนใหม่ ๆ เราสนใจ และต้องไปดูว่าเมืองเขาจะพัฒนาไปแบบไหน อย่างไร เราจะดูว่าจะเข้าไปลงทุนตรงไหนได้บ้าง

ตอนนี้เรามีที่ดิน ตรงหนึ่งจุดไว้อยู่แล้ว ถ้านับดาราฮาเบอร์ตรงศรีราชาด้วยก็เท่ากับว่าเรามีอยู่ 2 จุด ที่พร้อมจะลงทุนและพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตและขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตเราไปแน่ แต่ตอนนี้ขออุบเอาไว้ก่อน อยู่ระหว่างรอจังหวะ

Q : ทิศทางการลงทุนที่ไปจับมือกับพาร์ตเนอร์ต่อจากนี้

เรามีพาร์ตเนอร์หลายรายที่จะทำงานร่วมกันทั้งในระดับโลคอลและต่างประเทศ เพื่อเติบโตทางธุรกิจไปด้วยกัน กับเทสโก้เป็นพาร์ตเนอร์ที่เราตกลงกันจะร่วมกันศึกษาและพัฒนาธุรกิจ ตอนนี้อยู่ในช่วงศึกษาว่าจะทำอะไรร่วมกัน การพัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้า อย่างตอนนี้ที่เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เลียบด่วนรามอินทรา เรามีพื้นที่ติดกันอยู่แล้ว ก็ได้เริ่มมีการทำงานบางอย่างร่วมกันบ้างแล้ว

หรือกับ “กลุ่มดุสิต” ก็เป็นการลงทุนร่วมกันเพื่อพัฒนาพื้นที่ใจกลางเมืองให้เป็นบิ๊กโปรเจ็กต์ที่ดีที่สุด และที่เราเข้าไปถือหุ้นเพิ่มเป็น 20% ก็เป็นการลงทุนตามปกติ แต่ยืนยันจะไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปบริหาร และการร่วมทุนระหว่างประเทศกับ I-Berhad สร้างศูนย์การค้าไอซิตี้ มาเลเซีย

นอกจากพันธมิตรในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ แล้ว ที่สำคัญคือการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ร่วมกันพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าในศูนย์ เช่น การร่วมมือกับ B2S พัฒนา Think Space, การทำ cowork-ing space ใน Cafe Amazon และล่าสุดการเปิด Starbucks สาขาใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่เซ็นทรัลเวิลด์

Q : ทิศทางการลงทุน ตปท.จะเห็นที่ไหนอีก นอกจากการร่วมทุนกับ I-Berhad เปิดศูนย์การค้าที่มาเลเซีย

นอกจากมาเลย์ที่จะเปิดปีหน้า ตลาดเวียดนามเติบโตเร็วมาก เราเข้าไปศึกษาหลายปีแล้ว และตอนนี้ก็มองว่าน่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้ไลฟ์สไตล์คนเวียดนามเปลี่ยน ตลาดมีความพร้อมและความชัดเจนมาก ที่ผ่านมาเซ็นทรัลกรุ๊ปก็ได้ทยอยส่งหลาย ๆ ธุรกิจเข้าไปทำตลาดและปูทางไว้แล้วต่อเนื่อง ตอนนี้เรามีข้อมูลมากขึ้น มีความรู้มากขึ้น จึงมีความมั่นใจ และคิดว่าคงถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องเข้าไปเวียดนาม

ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีที่เราควรเข้าไป แม้ว่าในตลาดจะมีค้าปลีกหลายราย แต่ยังไม่มีรายใหญ่ที่เด็ดขาด จึงมองว่ามีช่องว่างที่เราเติบโตได้ ขนาดธุรกิจที่จะเข้าไปจะเป็นเม็ดเงินลงทุน 3-6 พันล้านบาท

Q : ตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยน ทิศทางของกลุ่มจะเป็นอย่างไร

ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล โลกของเราเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และมีผลกระทบในทุกวงการ โดยเฉพาะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาก็เช่นกัน เราตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส การที่จะตอบโจทย์ลูกค้าในอนาคตได้ เราต้องเข้าถึง เข้าใจไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจากในอดีต

ทุกวันนี้ศูนย์การค้าไม่ได้เป็นแค่ shopping center จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจ เพื่อเป็น center of life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตและศูนย์กลางของชุมชน เทรนด์ต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ การมาใช้บริการศูนย์การค้าในวันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Q : การจับเทรนด์ตามการเปลี่ยนไปของตลาดจะเป็นอย่างไร

เราต้องทำให้ศูนย์การค้าของเรากลายเป็น center of life เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคน บนแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมา โดยจะพร้อมใช้ทั้ง 32 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 1.5 ล้านคนต่อวัน และเข้าถึงฐานลูกค้ากว่า 12 ล้านคน เพื่อต่อยอดธุรกิจ เพิ่มทราฟฟิกและผลักดันการเติบโตเป็นการสร้าง realtime personalized offer เชื่อมโยงสินค้าและบริการจากฐานข้อมูล The 1 Card และเทคโนโลยีใหม่ The 1 Card Application ที่จะเริ่มใช้ปลายปีนี้

Q : แผนลงทุน 1 แสนล้านใน 5 ปีจากนี้ จะเป็น the new landscape ของค้าปลีกอย่างไร

โครงการที่จะเปิดตัวจากนี้จะตอกย้ำความเป็น global player ด้วย 5 โครงการทั้งในและต่างประเทศ คือ เซ็นทรัลเวิลด์โฉมใหม่, เซ็นทรัล ภูเก็ต, เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้, เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และเซ็นทรัล วิลเลจ และเราจะมีพื้นที่รีเทลทั้งหมดกว่า 2.2 ล้าน ตร.ม.


ในยุคนี้ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นความท้าทายและโอกาสที่จะทำให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง เมื่อ 38 ปีก่อน เราเคยได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ๆ ให้กับวงการค้าปลีกไทย และวันนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการค้าปลีกอีกครั้ง