“โซนี่” ทุ่มงบก้อนโต ซื้อกระจาย “คอนเทนต์-เทคโนโลยี”

คอลัมน์ Market Move

กว่าทศวรรษแห่งการปรับโครงสร้างธุรกิจของ “โซนี่” บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากญี่ปุ่น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ตลอดจนรับมือกับการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “โซนี่” ได้ส่งสัญญาณการลงทุนครั้งสำคัญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเดินหน้าซื้อกิจการคอนเทนต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่าง ๆ และเพื่อเสริมทัพในกลุ่มเทคโนโลยี

สำนักข่าวเดอะไฟแนนเชียลไทม์ รายงานว่า วิสัยทัศน์ของซีอีโอคนใหม่ “เคนอิจิโร โยชิดะ” ได้พาโซนี่กลับมาสู่โหมดการไล่ซื้อกิจการอีกครั้ง โดยล่าสุด ให้บริษัทลูก “โซนี่ คอร์ปอเรชั่น ออฟอเมริกา” เข้าซื้อหุ้น 60% ของ”อีเอ็มไอ มิวสิค” ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงกว่า 2 ล้านเพลง ซึ่งมีศิลปินชื่อดังจำนวนมาก อาทิ ควีน, เดอะ บีเทิ่ล, เร้ด ฮอท ชิลลี่ เพ็พเพอร์ส, จอห์น เลนนอน, ฯลฯ จากบริษัท มูบาดาลา อินเวสเมนท์ คิดเป็นมูลค่า 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมกับจำนวนหุ้นเดิมที่เคยถืออยู่ จะทำให้โซนี่มีหุ้นรวมกันราว 90%

โดยดีลดังกล่าวถือเป็นการใช้งบฯ ก้อนใหญ่ที่สุดในการซื้อกิจการหลังจาก “โยชิดะ” เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ต่อจากข่าวดีที่ผลประกอบการของกลุ่มคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และยังเป็นอัตรากำไรที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

สอดคล้องกับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปี ของโยชิดะ ที่ต้องการให้บริษัทโฟกัสในโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ซึ่งจะให้ผลกำไรที่ต่อเนื่องและยั่งยืนมากกว่าแค่การขายสินค้าอย่างโทรทัศน์บราเวียหรือเครื่องเกมเพลย์สเตชั่นเท่านั้น โดยมีแผนที่จะใช้งบฯลงทุนจากกระแสเงินสดกว่า 2 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งจะใช้ในการเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ จากกลุ่มคอนเทนต์ เทคโนโลยี และอีกครึ่งหนึ่งจะนำไปพัฒนาเซ็นเซอร์การรับภาพสำหรับกลุ่มสมาร์ทโฟน

“คาซึโนริ อิโต” นักวิเคราะห์จาก Ibbotson Associates Japan มองว่า ถึงเวลาแล้วที่โซนี่จะเดินหน้าเชิงรุก แต่สถานการณ์ในขณะนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักง

“อิโต” ยังระบุอีกว่า การที่โซนี่ตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานในช่วงปีงบประมาณ 2563-2564 ไว้ที่ 1.3-1.7 แสนล้านเยน สำหรับกลุ่มธุรกิจเพลย์สเตชั่น เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรจากธุรกิจดังกล่าวที่ 1.9 แสนล้านเยน

“โยชิดะ” ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโซนี่มาก่อนหน้านี้ มีผลงานเช่นการขายแบรนด์โน้ตบุ๊กที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง “ไวโอ” และกลุ่มธุรกิจแบตเตอรี่ ยังหวังให้กลุ่มเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น และเครือข่ายเอ็นเตอร์เทนเมนต์อื่น ๆ สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างโปรดักต์ได้ และทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านบริการการสมัครสมาชิก

“ตอนนี้เรายังไม่มีแผนการขายธุรกิจใด ๆ เพิ่มเติม โดยเราต้องการที่จะโฟกัสไปยังการสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจที่มีอยู่มากกว่า และเชื่อว่าการซื้อกิจการของอีเอ็มไอครั้งนี้ จะเป็นไมล์สโตนที่สำคัญต่อการเติบโตในระยะยาว”

ดีลนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้โซนี่กลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงที่มากที่สุดในโลก แต่ยังสร้างความได้เปรียบจากการที่ธุรกิจเพลงเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากการขยายตัวของธุรกิจสตรีมมิ่ง เช่น สปอร์ทิฟาย หรือแอปเปิล มิวสิก หลังจากที่ค่ายเพลงในช่วงที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง


ส่วนสเต็ปต่อไปจะเป็นอย่างไร ต้องจับตาเอาไว้ให้ดี…