
สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเสนอนายกฯ ให้นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ พร้อมลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท เชื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 100,000 ล้านบาท
วันที่ 18 ตุลาคม 2567 ค้าปลีกช่วงโค้งท้ายส่อแววคึกคัก หลังสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พยายามผลักดันให้ภาครัฐฟื้นโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้ง ในช่วงปลายปี 2567 นี้ หวังปลุกมู้ดการจับจ่ายช่วงไฮซีซั่น และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในวงจรเศรษฐกิจ
เชื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนแสนล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมได้นำเสนอข้อคิดเห็นต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปี 2567 นี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะกระตุ้นมู้ดของการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างมาก
มาตรการช้อปดีมีคืนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และ SMEs ที่จดทะเบียน VAT แต่ยังไม่เริ่มใช้หรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด
โดยขอเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท
ค้าปลีกโหมโปรโมชั่น 5 เดือนต่อเนื่อง
นายณัฐกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สมาคมเดินหน้าเร่งเครื่องเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล ด้วย “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” โดยลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ พร้อมร่วมจัดมหกรรมลดราคาสินค้าต่อเนื่องตลอด 5 เดือนเต็ม ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาถึงมกราคมปี 2568
โดยมีสมาชิกภายใต้สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมใจลดราคาสินค้ากันอย่างคับคั่ง พร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย เช่น การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย และแคมเปญการตลาดอื่น ๆ อาทิ เช่น ไทวัสดุ, ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, บิ๊กซี, โลตัส ฯลฯ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี’68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท