“Influencer” กุญแจสำคัญ ขับเคลื่อนค้าปลีกยุคใหม่

เดอะมอลล์ กรุ๊ป

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ชูอินฟลูเอนเซอร์ กุญแจสำคัญปั้น Trendsetting ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน พร้อมเผย 10 เทรนด์ค้าปลีกแห่งอนาคต

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวในงานเสวนา Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore หัวข้อ “บทบาทของการใช้อินฟลูเอนเซอร์ สำหรับธุรกิจรีเทล” โดยชี้ให้เห็นถึงพลังของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง และกำหนดทิศทางของธุรกิจค้าปลีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้าง Storytelling, Community Engagement, Interactive Shopping และ Personalized Recommendation ซึ่งธุรกิจค้าปลีกต้องเรียนรู้ และปรับตัว เพื่อใช้ประโยชน์จากอินฟลูเอนเซอร์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

อินฟลูฯ-กุญแจสู่ความสำเร็จ

นางสาววรลักษณ์กล่าวว่า ปัจจุบัน เดอะมอลล์ กรุ๊ป ปรับยุทธศาสตร์การใช้อินฟลูเอนเซอร์ใหม่ โดยกระจายการใช้อินฟลูเอนเซอร์ไปในทุกระดับ ทั้ง Macro, Micro และ Nano เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น หลังที่ผ่านมาจะเน้นไปที่ระดับ Macro Influencer หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 500,000 คนขึ้นไปเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และแพลตฟอร์มออนไลน์มีความหลากหลายมากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันลูกค้าไม่ได้ดูโฆษณาแบบเดิม ๆ แต่หันไปให้ความสนใจกับคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok, YouTube, Instagram ฯลฯ มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันไป

ดังนั้นการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม กลุ่มเป้าหมาย และเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร

ADVERTISMENT

“เราเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังกับอินฟลูเอนเซอร์จะช่วยสร้างสีสัน และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะ Content Creator ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราว และ Lifestyle ที่สอดคล้องกับ Brand Identity ของเรา และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผ่านมา “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ให้ความสำคัญกับการใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการสื่อสารการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง”

5 พฤติกรรมผู้บริโภคที่ควรจับตา

นอกจากนี้ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ก็ยังให้ความสำคัญกับการศึกษา และทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเช่นเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายบนโลกออนไลน์

โดย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ได้สรุป 5 พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ธุรกิจค้าปลีกควรจับตามอง ดังนี้

1.ความเชื่อมั่นใน Influencer : ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความเชื่อถือ และรับฟังความคิดเห็นของอินฟลูเอนเซอร์มากกว่าแบรนด์
2.การแสวงหาข้อมูล : ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะศึกษา เปรียบเทียบ และอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า

3.อิทธิพลของเทรนด์ : ผู้บริโภคได้รับอิทธิพลจากเทรนด์ และคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ในการเลือกซื้อสินค้า

4.Data-Driven : ธุรกิจค้าปลีกต้องนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้า

5.Brand Loyalty : การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่หลากหลาย และสร้างสรรค์มากขึ้น

10 เทรนด์ค้าปลีกแห่งอนาคต

นอกจากนี้ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ยังได้เผย 10 เทรนด์สำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกในอนาคต ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนี้

1.Omnichannel Integration การทำให้ออนไลน์และออฟไลน์เป็นหนึ่งเดียวกัน เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แล้วเลือกรับสินค้าที่สาขา หรือเช็กสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่นก่อนเดินทางไปที่ร้าน เพื่อสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ

2.Personalization AI ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล พฤติกรรม และความสนใจของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชั่น ที่ตรงใจ เช่น ระบบแนะนำสินค้า ที่สามารถเรียนรู้จากประวัติการซื้อ และการค้นหาของลูกค้า

3.AR/VR สร้างประสบการณ์ “ลองก่อนซื้อ” แบบเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี AR เช่น แอปพลิเคชั่น ที่ให้ลูกค้าสามารถส่องกล้องเพื่อทดลองแต่งหน้า หรือลองสวมใส่เสื้อผ้าก่อนตัดสินใจซื้อ หรือใช้ VR ในการจำลอง Virtual Store ที่ลูกค้าสามารถเดินชม และเลือกซื้อสินค้าได้ เสมือนกับได้เข้าไปในร้านค้าจริง

4.Sustainability มุ่งสู่การเป็น Green Retail โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ เช่น ลดการใช้พลังงาน การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนสินค้าจากชุมชน และการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ

5.Contactless Shopping อำนวยความสะดวก และลดความเสี่ยง ด้วยบริการช็อปปิ้งแบบไร้สัมผัส เช่น การสแกน QR Code เพื่อชำระเงิน การสั่งซื้อสินค้าผ่าน Chat & Shop และ การใช้ e-Wallet

6.AI Customer Service พัฒนา AI Chatbot ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบคำถาม ให้ข้อมูล และแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ช่วยลดภาระงานของพนักงาน และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

7.Experiential Retail เนรมิตพื้นที่ภายในศูนย์การค้าให้เป็นมากกว่า แค่ Shopping Destination เช่น การจัดแสดงงานศิลปะ การจัด Workshop การแสดงดนตรี และการจัด Event ต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และดึงดูดลูกค้าให้มาใช้เวลามากขึ้น

8.Smart Technology ใช้ IOT ในการบริหารจัดการ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความหนาแน่นของลูกค้า ระบบควบคุมอุณหภูมิ และแสงสว่างอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงาน

9.Loyalty Program ยกระดับระบบสะสมแต้ม ด้วย Gamification เช่น การให้ลูกค้าสะสมแต้มผ่าน Mini Game การจัด Ranking เพื่อชิงรางวัล และการออกแบบ Badge พิเศษ เพื่อสร้างความสนุก และกระตุ้นการมีส่วนร่วม

10.Health & Safety สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยมาตรการด้านสุขอนามัย เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิ การจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ การทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง และการเว้นระยะห่างทางสังคม

นางสาววรลักษณ์กล่าวย้ำว่า อย่างไรก็ตาม บทบาทสำคัญของอินฟลูเอนเซอร์ในการสร้าง Trendsetting จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จได้ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการเข้าถึงและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป