โฆษณาดิจิทัลโตเกิดคาดทะลุ 3.3 หมื่นล้านบาท สกินแคร์-ยานยนต์-เครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ ติดท็อป 3 เปย์หนักสุด พร้อมลุ้นแตะ 4 หมื่นล้านใน 2 ปี หลังได้สารพัดปัจจัยหนุนทั้งการแข่งขันดันแบรนด์มุ่งชิงยอดขาย สภาพเศรษฐกิจบีบธุรกิจเน้นสื่อคุ้มค่า-วัดผลได้ พร้อมกระแสฮิตคอนเทนต์วิดีโอ ผลักเม็ดเงินไหลเข้าสื่อดิจิทัล
นายภารุจ ดาวราย นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DAAT) กล่าวว่า ปี 2567 นี้ เม็ดเงินลงทุนโฆษณาดิจิทัลจะมีมูลค่า 33,859 ล้านบาท เติบโตถึง 16% จากปี 2566 โดยเป็นการเติบโตระดับเลขสองหลักต่อเนื่องอีกครั้ง และเติบโตสูงกว่าที่สมาคมคาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีว่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมจะเติบโตประมาณ 8% เท่านั้น
ธุรกิจท็อป 5 เปย์เพิ่ม
โดยกลุ่มสินค้าที่ใช้เม็ดเงินกับการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมากสุด 5 อันดับแรกนั้น ใช้เม็ดเงินมากกว่าปี 2566 อย่างชัดเจน นำโดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนสูงถึง 5,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% ตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ใช้เม็ดเงิน 3,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ใช้เม็ดเงิน 2,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ใช้เม็ดเงิน 2,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ใช้เม็ดเงิน 1,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% ตามลำดับ
การเติบโตสูงระดับเลขสองหลักและสูงกว่าการคาดการณ์ในปีนี้มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่จับจ่ายมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี การปรับสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาของภาคธุรกิจ ไปจนถึงสถานการณ์เฉพาะในหลายธุรกิจที่ผลักดันให้มีการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมากขึ้น
เศรษฐกิจ-การแข่งขันหนุน
ดร.อาภาภัทร บุญรอด กรรมการผู้จัดการฝ่ายลูกค้า และประธานฝ่ายการเจริญเติบโตแห่งเอเชียอาคเนย์ คันทาร์ (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกับสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันแต่ละอุตสาหกรรมมีสถานการณ์ที่ผลักดันการใช้เม็ดเงินโฆษณามากขึ้น หารือหันมาใช้โฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล
ในส่วนของอุตสาหกรรมค้าปลีก ผู้บริโภคใช้ทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้านเพื่อหาข้อมูลและตัดสินใจซื้อ ส่งผลต่อเนื่องภาคธุรกิจต้องปรับการสื่อสารและการขายเป็น Omnichannel ให้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหลายธุรกิจพยายามปั้นแพลตฟอร์มโฆษณาและจำหน่ายสินค้าของตนเอง เพื่อกระตุ้นการรับรู้ ควบคู่กับยอดขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ไปพร้อมกัน
ขณะที่หลายรายหันมาใช้การสื่อสารและการตลาดแบบดิจิทัลมากขึ้น เนื่องจากแรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจทำให้ต้องเน้นความคุ้มค่าของการใช้งบฯ จึงต้องการกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารที่วัดผลได้ชัดเจน ซึ่งเป็นจุดแข็งของสื่อดิจิทัล
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น แต่ละแบรนด์ต่างทำตลาด โดยมุ่งสร้างยอดขายมากกว่าการรับรู้ ซึ่งสื่อดิจิทัลตอบโจทย์ได้ตรงจุด เช่น การทำแอฟฟิลิเอต (Affiliate)
ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถไฟฟ้า ในขณะที่ผู้เล่นรายปัจจุบันพยายามจะสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าเอาไว้ ส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตถึง 30% ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วที่เติบโต 24%
ติ๊กต๊อกช็อปตัวไดรฟ์สำคัญ
นอกจากนี้ ติ๊กต๊อกช็อปยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรม จากการเป็นช่องทางที่ทั้งสามารถสร้างการรับรู้แบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายไทย-เทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์ และปิดการขายได้ในช่องทางเดียว รวมถึงยังสามารถขายสินค้าราคาสูงได้อย่างต่อเนื่อง เช่น โทรศัพท์มือถือราคาหลายหมื่นบาท ในขณะที่ค่าคอมมิชชั่นนั้น นับเป็นค่าใช้จ่ายที่ต่ำเมื่อเทียบกับการทำตลาดในรูปแบบและช่องทางอื่น ๆ จึงดึงดูดให้ผู้ประกอบการรายย่อย เช่น แบรนด์ท้องถิ่นตบเท้าหันมาใช้ช่องทางนี้มากขึ้น เนื่องจากความคุ้มค่า
ปัจจัยเหล่านี้ ผลักดันให้เม็ดเงินในสื่อโฆษณาดิจิทัลเติบโตมากขึ้นจนเกินกว่าที่สมาคมคาดการณ์ไว้
ลุ้นแตะ 4 หมื่นล้านใน 2 ปี
นายภารุจกล่าวต่อไปว่า หากการใช้เม็ดเงินกับโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลยังคงเพิ่มขึ้นในระดับเลขสองหลักเช่นนี้ต่อไป มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลจะแตะ 40,000 ล้านบาท ภายในเวลาประมาณ 2 ปี อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้งบฯของทั้งภาคเอกชนและรัฐ
ขณะเดียวกัน มีความเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตา เช่น กลุ่มธุรกิจสื่อสาร ซึ่งปี 2567 นี้ ใช้เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลลดลง คาดว่าเป็นผลจากการควบรวมกิจการของ 2 ผู้เล่นรายใหญ่ เช่นเดียวกับแบรนด์มือถือหลายแบรนด์หันไปใช้กลยุทธ์แนว CRM อย่างเก่าแลกใหม่ เพื่อตรึงฐานลูกค้าเดิมเอาไว้กับแบรนด์ และดึงดูดลูกค้าใหม่จากการย้ายค่าย แทนการทำตลาดและโฆษณาผ่านสื่อ
นอกจากนี้ การใช้เม็ดเงินโฆษณาเริ่มกระจายไปช่องทางต่าง ๆ ของสื่อดิจิทัลมากขึ้น สะท้อนถึงพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคชาวไทยที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
โดยแม้สื่อในเครือเมตา อย่างเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม จะยังคงเป็นช่องทางที่นักการตลาดเลือกลงทุนโฆษณามากที่สุด แต่ช่องทางสื่อที่เน้นรูปแบบวิดีโอ อาทิ ติ๊กต๊อก ยูทูบ และอื่น ๆ มีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้น สะท้อนจากการเติบโตแบบพุ่งทะยานของติ๊กต๊อก จนคาดว่าจะเป็นสื่อที่ครองเม็ดเงินโฆษณามากที่สุดเป็นอันดับสามในปี 2567 นี้ ส่วนเม็ดเงินโฆษณาทางยูทูบ และช่องทางสตรีมมิ่งอื่น ๆ เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
อีกทั้งการเติบโตในปีนี้ยังสะท้อนว่า สื่อดิจิทัลก้าวจากสื่อทางเลือกไปเป็นช่องทางหลักของการโฆษณาแล้ว โดยหลังจากนี้ สื่อโฆษณาที่ไม่เกี่ยวกับดิจิทัลจะลดลง หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นดิจิทัล อาทิ ทีวีที่ต้องรับชมผ่านซิมโทรศัพท์-สมัครบัญชีผู้ใช้ก่อนเพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลได้ หรือสื่อนอกบ้านที่จะมีระบบวัดผลจำนวนคนมอง-รถยนต์ที่วิ่งผ่านได้ เป็นต้น