ความงามโตแกร่ง “อาร์เอ็กซ์เทรดเด็กซ์” เผย 5 เทรนด์มาแรง

ความงามโตแกร่ง “อาร์เอ็กซ์เทรดเด็กซ์” เผย 5 เทรนด์มาแรง
วราภรณ์ ธรรมจรีย์

อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ มั่นใจตลาดความงามอาเซียน-โลกยังโตแกร่งไม่สนเศรษฐกิจ คาดปี’67 แตะ 22 ล้านล้านบาท พร้อมโตต่อเนื่อง 3.1% ต่อปียาวถึง 2572 พร้อมเผย 5 เทรนด์โอกาสสำคัญของผู้ประกอบการความงามไทยทั้งซัสเทนฯ, เอไอ, การค้าไร้ช่องทาง, Deinfluencer และตลาดความงามฮาลาล

นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมความงาม อาทิ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย เป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตต่อเนื่องแม้เผชิญความผันผวนของเศรษฐกิจ สะท้อนจากรายงานของบริษัทวิจัยนีลเส็น (Nielsen) ซึ่งระบุว่า ช่วงที่ผ่านมายอดขายสินค้าความงามทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% นำโดยภูมิภาคยุโรปและเอเชีย-แปซิฟิก

ตลาด 2.2 ล้านล้านโตแกร่ง

สอดคล้องกับกับคาดการณ์ของบริษัทวิจัยสตาทิสต้า (Statista) ที่คาดว่า ยอดขายสินค้าความงามปีนี้จะอยู่ที่ 6.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (22 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะเติบโต 3.11% ต่อปีในช่วงปี 2567-2572 โดยผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด ด้วยยอดขาย 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาท

สำหรับตลาดสินค้าความงามในอาเซียนนั้นปี 2567 นี้ จะมียอดขาย 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโต 3.04% ต่อปีในช่วงปี 2567-2572

นางวราภรณ์กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีศักยภาพสูงทั้งในฐานะตลาดเครื่องสำอางขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูง และในฐานะผู้ผลิต-ส่งออกเครื่องสำอางรายใหญ่ ซึ่งสินค้าแบรนด์ไทยได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า ในปี 2567 ธุรกิจเครื่องสำอางไทยจะมีมูลค่า 2.81 แสนล้านบาท เติบโตจากปี 2566 ถึง 10.4% และมีการผลิตในประเทศ 85% และเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มจีดีพี

รวมถึงไทยยังคงครองโพซิชั่นผู้ส่งออกเครื่องสำอางอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และอันดับ 17 ของโลก ด้วยตัวเลขส่งออกเครื่องสำอาง, เครื่องหอม และสบู่ช่วงมกราคม-สิงหาคม 2567 ซึ่งสูงถึง 66,008.14 ล้านบาท โตกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 ถึง 12.49% โดยสินค้าประเภทเครื่องสำอางและสกินแคร์มีสัดส่วนการส่งออกสูงที่สุด โดยมีการส่งออกไปยังญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, ฟิลิปปินส์, จีนและเวียดนามมากที่สุด

ADVERTISMENT

5 เทรนด์โอกาสสำคัญ

โดยขณะนี้มี 5 เทรนด์สำคัญที่จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการความงามไทยที่จะใช้สร้างการเติบโต ประกอบด้วย Sustainability on Display หรือเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการให้แบรนด์แสดงออกถึงการทุ่มเทให้กับความยั่งยืนที่ไม่เพียงชัดเจน แต่ต้องทำได้จริง รวมถึงต้องทำตามคำสัญญาอีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และตรึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่พร้อมเปลี่ยนแบรนด์ตลอดเวลาเอาไว้

อีกเทรนด์สำคัญคือ การใช้ AI เพื่อสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะสำหรับผู้บริโภคแต่ละราย เช่น สกินแคร์ที่เข้ากับผิวของแต่ละบุคคล โดยยึดจากการวิเคราะห์สภาพผิว หรือนำเสนอเทรนด์สีที่เหมาะกับแต่ละโอกาส เป็นต้น

ADVERTISMENT

เช่นเดียวกับเทรนด์ การไร้ช่องทางขาย ที่เป็นการนำเสนอแบรนด์และสินค้าในเวลาที่ถูกต้อง สถานที่ที่ถูกต้อง และบริบทที่ถูกต้อง แบบไร้รอยต่อผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ลื่นไหล สะดวกในการค้นหาข้อมูล ไปจนถึงการสั่งซื้อสินค้า

ขณะเดียวกัน ตลาดยังเกิดเทรนด์ Deinfluencer หรือการที่ผู้คนออกมาพูดความจริงเบื้องหลังสิ่งที่เห็นในโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่เกิดอาการซึมเศร้าจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ที่ตนมองว่าสวยกว่าหรือมีชีวิตดีกว่า

นอกจากนี้ เครื่องสำอางฮาลาล ยังกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง จากทั้งการเติบโตและการที่ยังไม่มีผู้เล่นมากนัก โดย ฯพณฯ อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ฉายภาพว่า โลกมุสลิมเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้วยหลายปัจจัยทั้งจำนวนผู้บริโภคชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และความนิยมสินค้าฮาลาลที่แพร่หลายออกไปยังนอกกลุ่มชาวมุสลิม เนื่องจากภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงสถานะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและความปลอดภัย

สำหรับตลาดเครื่องสำอางฮาลาลนั้น คาดว่าในปี 2025 จะมีมูลค่าสูงถึง 53,810 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.79 พันล้านบาท ซึ่ง 3 ใน 4 ของมูลค่านี้จะมาจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ซึ่งบริษัทเริ่มจับกระแสนี้ด้วยงาน COSMEX 2024 เมื่อวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2567 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่เปิดโซนใหม่ “COSMEX Halal Cosmetics” จัดแสดงผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบการฮาลาลอย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกในไทย โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 200 บริษัท