ญี่ปุ่นเล็งยกเลิกเพดาน Tax Refund หวังโกยเม็ดเงินช็อปปิ้งช่วงเยนอ่อนยวบ

ญี่ปุ่นเล็งยกเลิกเพดาน Tax Refund หวังโกยเม็ดเงินช็อปปิ้งช่วงเยนอ่อนยวบ
คอลัมน์ : Market Move

การขอคืนภาษี หรือ Tax Refund นับเป็นหนึ่งในแม็กเนตสำคัญของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Consumption Tax) จากการซื้อสินค้า อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ในญี่ปุ่น ตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการได้ส่วนลด 8-10% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ซื้อ

ล่าสุดอำนาจดึงดูดนักช็อปกระเป๋าหนักของการขอคืนภาษีอาจกำลังจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อสำนักงานการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Tourism Agency (JTA) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการขนส่ง, โครงสร้างพื้นฐาน, ที่ดิน และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น พยายามผลักดันให้ยกเลิกเพดานของการขอคืนภาษี ในการปฏิรูปภาษีสำหรับปีงบประมาณ 2025 ที่จะถึงนี้

สำนักข่าว “นิกเคอิ เอเชีย” รายงานว่า สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเพดานมูลค่าการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สามารถขอคืนภาษีได้ ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ที่ ยอดซื้อสินค้ารวมไม่เกิน 500,000 เยนต่อคนต่อร้านค้าต่อวัน หรือประมาณ 1.12 แสนบาท

สำนักงานให้เหตุผลว่า การมีเพดานยอดใช้จ่ายจะทำให้บรรดาผู้ประกอบการเสียโอกาสในการขายสินค้าระดับพรีเมี่ยม อาทิ เหล้าสาเกระดับไฮเอนด์ สินค้าความงาม และอื่น ๆ ซึ่งต่างมีดีมานด์พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องหลังการอ่อนค่าของเงินเยน ดึงดูดนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้ามาจับจ่ายในญี่ปุ่น

ทั้งนี้ การขอคืนภาษี ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น สะท้อนได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของเม็ดเงินจากการช็อปปิ้ง ซึ่งช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 28.9% ของยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวหลังเมื่อปี 2023 ตัวเลขเม็ดเงินจากการช็อปปิ้งมีสัดส่วน 26.5% สวนทางกับการใช้จ่ายด้านความบันเทิงซึ่งลดลงเหลือเพียง 4.7% เท่านั้น

ขณะที่สถาบันวิจัยแห่งประเทศญี่ปุ่นประเมินว่า จากตัวเลขรายไตรมาส มูลค่าการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสทะลุ 1 ล้านล้านเยนภายในปี 2024 นี้ โดย 3 กลุ่มนักท่องเที่ยวชาติที่ช็อปมากที่สุด ประกอบด้วย จีน, ไต้หวัน และเกาหลีใต้

ADVERTISMENT

เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคืนภาษี ซึ่งเมื่อช่วงตุลาคม 2023-มีนาคม 2024 มีร้านค้าในญี่ปุ่นเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 59,485 ร้านค้า เพิ่มขึ้น 5.1% จากปีก่อนหน้า

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามเสริมแม็กเนตให้กับมาตรการคืนภาษีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขอบเขตให้ครอบคลุมสินค้าสิ้นเปลือง เมื่อปี 2014 และการลดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการซื้อที่เข้าเงื่อนไขขอคืนภาษี

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ความพยายามยกเลิกเพดานมูลค่าการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติสำหรับการขอคืนภาษีนี้ ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงเดียวที่อาจจะเกิดขึ้นกับการช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น

เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามสกัดการใช้สิทธิขอคืนภาษีในทางมิชอบ หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยใช้การขอคืนภาษีเพื่อหากำไร ด้วยการนำสินค้าที่ซื้อมาขายต่อในประเทศญี่ปุ่น เพื่อหากำไรจากส่วนต่างราคา เหตุการณ์นี้สร้างความเดือดร้อนให้กับบรรดาร้านค้าที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการยกเว้นภาษีให้กับลูกค้าที่ทำผิดเงื่อนไขขอคืนภาษี จนบางราย เช่น บิค คาเมร่า (Bic Camera) ต้องลงทุนติดตั้งระบบเก็บและแชร์ข้อมูลลูกค้าใน 200 สาขา เพื่อแจ้งเตือนเมื่อเจอผู้ต้องสงสัยว่าจะกระทำผิด

จนทำให้เกิดแนวคิดปรับเงื่อนไขการขอคืนภาษีใหม่จากการขอคืนที่หน้าร้านค้าพร้อมกับการชำระค่าสินค้า เป็นการขอคืนที่สนามบินก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่นด้วยการนำตัวสินค้ามายืนยันกับเจ้าหน้าที่ พร้อมกับพาสปอร์ต

นอกจากนี้ ยังมีกระแสความกังวลว่า ญี่ปุ่นอาจกำลังพึ่งพารายได้จากการช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวมากเกินไป เห็นได้ชัดจากช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนักช็อปจีนหายไปจนส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้มีความพยายามผลักดันเรื่องประสบการณ์ขึ้นมาเป็นตัวสร้างรายได้แทน

หลังจากนี้จึงต้องจับตาดูว่า ความพยายามของสำนักงานการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่จะยกเลิกเพดานของการขอคืนภาษีจากการช็อปปิ้งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และเมื่อรวมกับเงื่อนไขการขอคืนภาษีแบบใหม่ จะส่งผลอย่างไรกับกระแสการช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ