
“เซ็น กรุ๊ป” เดินหน้าแผนปรับกลยุทธ์แบรนด์ในเครือรับไฮซีซั่นไตรมาส 4 หลังรายได้ Q3/67 โต 1% เผยเพิ่มดีกรีรุกขยายแฟรนไชส์ตลาดต่างประเทศ ส่งแบรนด์ “เขียง” บุกตลาดมาเลเซีย-ลาว-ฟิลิปปินส์ ขณะที่ด้านธุรกิจค้าปลีกเชิงพาณิชย์จะมุ่งโฟกัส OEM หวังลดต้นทุน-เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน
นางยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบัญชีและการเงิน และนางนฤมล กิตติโชติรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น อาทิ เซ็น, อากะ, ออนเดอะเทเบิ้ล ร้านอาหารไทย ตำมั่ว ลาวญวน เขียง ฯลฯ เปิดเผยทิศทางไตรมาส 4 ปี 2567 และปี 2568 ภายในงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ว่า ในไตรมาส 4 ปี 2567 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจร้านอาหาร บวกกับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งผลให้ทั้งธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจค้าปลีกเชิงพาณิชย์ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินงานของเซ็น กรุ๊ป จากนี้จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าและบริการเป็นอันดับแรก โดยมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐาน เพื่อให้โมเดลธุรกิจมีความยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ด้วยการพัฒนาสินค้า และการขยายแฟรนไชส์ร้านอาหารในเครืออย่างต่อเนื่อง
“ไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 1,019 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายสาขาและการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการสร้างการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกเชิงพาณิชย์” นางยุพาพรรณกล่าว
ขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศ
สำหรับส่วนของแผนการขยายสาขาร้านอาหารในเครือนั้น เบื้องต้นจะโฟกัสขยายในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยจะเน้นขยายไปในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากตลาดในไทยอาจจะขยายตัวได้ช้า สาเหตุจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง ตรงข้ามกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้น
ซึ่งในส่วนของแบรนด์ร้านอาหารในเครือที่จะนำไปบุกตลาดต่างประเทศ หลัก ๆ จะมุ่งเน้นไปที่แบรนด์ “เขียง” เนื่องจากมีโอกาสเติบโต สะท้อนจากความสนใจของนักลงทุนต่างชาติหลายรายที่เข้ามาติดต่อเจรจาธุรกิจ ทั้งในรูปแบบการขอซื้อแฟรนไชส์ และการขอเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์
โดยในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะเปิดแบรนด์ “เขียง” ที่มาเลเซียเพิ่มอีก 1 สาขา จากปัจจุบันมีเปิดให้บริการอยู่ 2 สาขาที่ Pavilion Bukit Jalil และ Jio Space ส่วนใน สปป.ลาว มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาที่ Phonesinuan จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 สาขาที่ Sivilai
และล่าสุดเตรียมที่จะบุกตลาดใหม่ “ฟิลิปปินส์” เพิ่มอีก 2 สาขาในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพของแฟรนไชส์ ทั้งในด้านอาหารและการบริการ เพื่อรักษาภาพลักษณ์และมาตรฐานของแบรนด์ โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาระบบ CRM เพื่อใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า และมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อีกด้วย
ปรับกลยุทธ์แบรนด์-รับไฮซีซั่น
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ทำการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ร้านอาหารในเครือ ทั้งในส่วนของเมนูอาหาร โปรโมชั่นต่าง ๆ โดยแบรนด์ “ลาวญวน” เบื้องต้นจะออกเมนูใหม่ พร้อมจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อจูงใจลูกค้า ขณะที่แบรนด์ “ตำมั่ว” จะเปิดตัวเมนูตำเส้นเล็ก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ เช่นเดียวกับ “On the Table” และ “DIN’s” จะออกโปรดักต์ใหม่ ๆ เช่นเดียวกัน
ส่วนแบรนด์ “ZEN” จะเพิ่มเมนูพรีเมี่ยม เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ อาทิ Foie gras และ Giant Donburi รวมถึงแบรนด์ “AKA” ที่จะเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ เติมเข้ามาในไลน์บุฟเฟต์ รวมทั้งจัดโปรโมชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
“การปรับกลยุทธ์ในครั้งนี้ก็เพื่อมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยอดขายในช่วงปลายปี และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจร้านอาหารในระยะยาว”
โฟกัส OEM-ลุยส่งออก
ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกเชิงพาณิชย์นั้น บริษัทจะโฟกัสการรับจ้างผลิตเพื่อการส่งออกผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ (ZKC) โดยเน้นการผลิตพวกซอสต่าง ๆ ให้กับเซ็น กรุ๊ป เพื่อลดต้นทุน
เช่นเดียวกับ บริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ผู้นำเข้าวัตถุดิบ อาทิ ปลาแซลมอน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ที่จะมุ่งเน้นการผลิตสินค้า โดยใช้ประโยชน์จากโรงงานที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
พร้อมกันนี้ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ ๆ เช่น อาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และสินค้าอื่น ๆ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท ในการสร้าง Synergy ร่วมกัน โดยสิ้นปีคาดว่า ในส่วนของ “คิง มารีน ฟู้ดส์” จะมียอดขายเติบโตอยู่ที่ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 บริษัทมีร้านอาหารภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 323 สาขา แบ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ได้แก่ ZEN 53 สาขา, AKA 56 สาขา (รวมแฟรนไชส์), On the Table 39 สาขา (รวมแฟรนไชส์) และร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมอีก 6 สาขา ส่วนร้านอาหารไทย ได้แก่ ตำมั่ว 81 สาขา (รวมแฟรนไชส์), ลาวญวน 36 สาขา (รวมแฟรนไชส์) และเขียง 52 สาขา (รวมแฟรนไชส์)
โดยสัดส่วนร้านอาหารในเครือเซ็น กรุ๊ป แบ่งเป็นร้านที่บริษัทบริหารเอง 56% และร้านแฟรนไชส์ 44% ขณะที่สัดส่วนร้านสาขาส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ 61% ต่างจังหวัด 35% และต่างประเทศ 4%