
“นารายา” ปักธงปี 2568 รายได้ทะลุ 1,000 ล้าน กางแผน 6 เดือนแรก ส่ง 6 คอลเล็กชั่นใหม่-ขยายฐานนิวเจน และขยายสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5 สาขาทั้งกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด หลังผนึกพาร์ตเนอร์โรงงานเย็บผ้า-เสริมแกร่งด้านกำลังผลิต พร้อมดันยอดขาย “นารายา ซิลค์” กระเป๋าผ้าไหมโต 50% สิ้นปี 2567 คาดยอดขายแตะ 700 ล้านบาท
นางวาสนา รุ่งแสนทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์ “นารายา” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมการดำเนินงานที่ผ่านมา และแผนการรุกตลาดจากนี้ไปว่า ปี 2567 นี้ถือเป็นปีที่มีการฟื้นตัวดีที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิดซึ่งทำให้กำลังการผลิตที่หายไปกว่า 80% จากการปิดตัวของโรงงาน 4 แห่ง และจำนวนพนักงานที่ลดลงจาก 3,000 คน เหลือเพียง 500 คน กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
โดยการฟื้นตัวในปี 2567 นี้มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากฟื้นตัวของกำลังผลิตจากการจับมือพาร์ตเนอร์เพื่อผลิตชิ้นส่วนกระเป๋า จนสามารถกลับมาเปิดรับออร์เดอร์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จนการส่งออกสินค้ายังต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิดเพียง 30% หลังเริ่มกลับมารับออร์เดอร์บางส่วนเมื่อปี 2566 จากที่ก่อนหน้านั้นต้องปฏิเสธออร์เดอร์ทั้งหมด เนื่องจากกำลังผลิตไม่เพียงพอ
ส่งคอลฯใหม่-ขยายฐานลูกค้า
นางวาสนากล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ความสามารถการผลิตของบริษัทจะกลับมาฟื้นตัว แต่การแข่งขันในตลาดกระเป๋าผ้าก็เริ่มรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน สะท้อนจากที่มีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ “นารายา” ก็จะยังโฟกัสจุดแข็งในเรื่องแคแร็กเตอร์ของแบรนด์ ทั้งในด้านของดีไซน์ ลวดลาย และคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้
โดยทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป บริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ควบคู่กับการแก้ปัญหาเรื่องของแรงงานที่ยังขาดแคลน และเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นในส่วนของการพัฒนาสินค้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีแผนที่จะออกคอลเล็กชั่นใหม่ 6 คอลเล็กชั่น โดยในแต่ละคอลเล็กชั่นจะมีสินค้าประมาณ 30-40 รายการ ซึ่งจะมีความทันสมัย และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปี
ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทร่วมมือกับ Bacon Time ทีม Esports ออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ ที่ผสมผสานลูกเล่นที่ทันสมัย แต่ยังคงความเป็น “นารายา” ไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 40-45% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่เพียงแค่ 20% และที่เหลืออีก 80% เป็นกลุ่มวัยทำงานอายุ 28 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนดึงดารามาร่วมโปรโมตแบรนด์ หรือร่วมออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มคนไทยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่อยากจะเห็นคนไทยหันมาใช้กระเป๋าผ้าของบริษัท แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาความพร้อมด้านกำลังการผลิตเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาด ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นชาวต่างชาติสัดส่วนประมาณ 70% และคนไทย 30%
ผนึกพันธมิตร-เสริมการผลิต
นางวาสนากล่าวว่า สำหรับในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องของแรงงานที่ยังขาดแคลน และการเพิ่มกำลังการผลิต เบื้องต้นจะเน้นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่มีกำลังการผลิต มีแรงงาน และมีทักษะในการตัดเย็บ เพื่อช่วยเสริมกำลังการผลิตของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นรายใหญ่อยู่ประมาณ 3 ราย และรายย่อยอีกจำนวนมาก
“การหาพาร์ตเนอร์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากงานกระเป๋าแตกต่างจากงานตัดเย็บเสื้อผ้า เพราะต้องใช้ความประณีตและฝีมือ ซึ่งกว่าจะหาพาร์ตเนอร์ที่ทำงานร่วมกันได้ ก็ต้องผ่านการลองผิดลองถูก ซึ่งก็มีทั้งที่สำเร็จและก็ล้มเหลว แต่ทั้งนี้คาดว่าในปี 2568 หลังจากที่มีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์จะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2568 บริษัทจะรุกหนักทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยในส่วนของออฟไลน์มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 4 สาขา และต่างจังหวัด 1 สาขาโดยทำเลที่ตั้งของแต่ละสาขานั้นจะอยู่ในไพรมโลเกชั่น และหัวเมืองท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันนารายามีสาขาอยู่ทั้งหมด 17 สาขา ขณะที่ช่องทางออนไลน์จะเน้นการทำตลาด และสร้างคอนเทนต์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ดัน “นารายา ซิลค์” โต 50%
ทั้งนี้ นอกเหนือจาก “นารายา” ที่เป็นกลุ่มสินค้ากระเป๋าที่ทำจากผ้าแคนวาสแล้ว อีกหนึ่งความตั้งใจของบริษัทในปี 2568 คือการหันมาให้ความสำคัญกับ “นารายา ซิลค์” (NaRaYa Silk) ที่เป็นกระเป๋าที่ทำจากผ้าไหมมากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นทำการตลาดด้วยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงาน “COLORS OF BURIRAM” เพื่อสอนให้ชาวบ้านสามารถเย็บกระเป๋าได้ ซึ่งงานจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมปี 2568 รวมถึงจะมีการออกคอลเล็กชั่นใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน
โดยในปี 2568 ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่ม “นารายา ซิลค์” (NaRaYa Silk) ไว้มากกว่า 50% เนื่องจากตอนนี้แบรนด์นารายาค่อนข้างมั่นคงแล้ว จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะผลักดัน นารายา ซิลค์ ให้เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขยายสาขาเบื้องต้นยังไม่มีแผนขยายสาขานารายา ซิลค์เพิ่ม โดยปัจจุบัน “นารายา ซิลค์” จะมีสาขาอยู่ทั้งหมด 4 สาขา
นางวาสนากล่าวทิ้งท้ายว่า จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ในปี 2568 บริษัทจะมีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 คาดว่าจะปิดยอดขายอยู่ที่ 700 ล้านบาท
“การทำธุรกิจจะต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรง ซึ่งเราก็ต้องปรับตัว และบริหารจัดการต้นทุน และราคาสินค้าให้สมดุล เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน”