
คอลัมน์ : Market Move
วงการร้านฮอตพอตในจีน เป็นธุรกิจล่าสุดที่กำลังเกิด “สงครามราคา 9.9 หยวน” ซึ่งเป็นเทรนด์การแข่งขันราคาที่ผู้เล่นแต่ละรายพากันส่งเมนูอาหาร-เครื่องดื่มราคาไม่ถึง 10 หยวนออกมา หวังใช้เป็นแม็กเนตชิงลูกค้าในช่วงเศรษฐกิจตกสะเก็ด หลังเทรนด์นี้แพร่หลายในวงการร้านกาแฟ จากการจุดกระแสโดยเชนร้านกาแฟคอตติ คอฟฟี่ และกลายเป็นกลยุทธ์ยอดฮิตของผู้เล่นเกือบทุกรายมาจนปัจจุบัน
แต่เหล่าผู้ประกอบการร้านฮอตพอต กำลังยกระดับสงครามราคา 9.9 หยวนไปอีกขั้น โดยที่การจ่ายราคา 9.9 หยวนนั้น ไม่ได้จะมีเพียงเมนูพื้นฐานอย่างเนื้อหมู แต่ยังมีของพรีเมี่ยมอย่างเนื้อวัวนำเข้า รวมถึงมีเมนูอื่น ๆ ที่ราคาต่ำกว่า 9 หยวน และหลายร้านจะมาพร้อมข้าวสวย, ของหวานและกิมจิฟรีอีกด้วย
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานถึงปรากฏการณ์สงครามราคา 9.9 หยวน ในวงการฮอตพอตจีนว่า สงครามราคาในวงการร้านฮอตพอตของจีนกำลังทวีความรุนแรง และได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม จนแม้แต่รายใหญ่อย่างไห่ตี้เหลายังไม่อาจอยู่เฉยต้องแตกแบรนด์ย่อยราคาประหยัด ออกมารับมือ
โดยหนึ่งในผู้เล่นที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากกระแสฮอตพอต 9.9 หยวน คือ หยี่เหว่ย (Yi Wei) เชนร้านฮอตพอต ซึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียวสามารถขยายสาขาในหัวเมืองใหญ่ทั้งเซี่ยงไฮ้ กว่างโจวและอื่น ๆ ได้ถึง 10 สาขา ทำให้มีสาขารวม 55 สาขาทั่วจีนแผ่นดินใหญ่
รวมถึงวางเป้าหมายจะปูพรมสาขาเฉพาะในเมืองเซี่ยงไฮ้ต่อเนื่องเพิ่มเป็น 100 สาขาอีกด้วย
สำหรับยุทธศาสตร์เด่นของหยี่เหว่ยอยู่ที่เมนูราคาประหยัด ซึ่งไม่เพียงแค่ราคาไม่เกิน 9.9 หยวนเท่านั้น แต่ที่ราคานี้ลูกค้ายังได้วัตถุดิบพรีเมี่ยม เช่น เนื้อวัวนำเข้า
แม้แต่เมนูซีฟู้ดอย่างกุ้ง, หอยเป๋าฮื้อและอื่น ๆ ยังมีราคาในช่วง 3 หยวน, 5 หยวน และ 7 หยวนเท่านั้น นอกจากนี้เมนูเหล่านี้ยังมาพร้อมข้าวสวย ของหวาน และกิมจิฟรีด้วย
ด้วยการตั้งราคาในระดับนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายในการมาทานอาหารแต่ละครั้งต่ำกว่าการทานในร้านฮอตพอตอื่น ๆ กว่าครึ่ง โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวสำหรับการทานอาหารในร้านฮอตพอตทั่วไปจะตกประมาณ 100 หยวนต่อคน หรือประมาณ 468 บาท
แต่ที่หยี่เหว่ยนั้น ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35-45 หยวนต่อคน หรือประมาณ 134-210 บาทเท่านั้น
สำหรับสาเหตุที่เชนร้านฮอตพอตราคาประหยัด สามารถทำราคาทั้งเนื้อวัวนำเข้าและซีฟู้ดได้ในระดับนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการนำระบบของร้านซูชิ 100 เยนในญี่ปุ่นมาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟอาหารด้วยสายพาน และการแยกราคาอาหารเป็น 3 ระดับ แบ่งตามดีไซน์ของจาน รวมถึงทำให้วัตถุดิบแต่ละจานเรียบง่ายที่สุด ขณะที่น้ำซุปใช้การผลิตจากโรงงานขนาด 30,000 ตร.ม. ในเมืองฉงชิ่ง เป็นต้น ช่วยให้สามารถลดต้นทุนด้านแรงงานทั้งในส่วนหน้าร้านและครัวลงไปได้ ขณะที่สามารถให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนความร้อนแรงและศักยภาพของกลยุทธ์ราคา 9.9 หยวนนี้ คือ ความเคลื่อนไหวของรายใหญ่อย่างไห่ตี้เหลา ที่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 รายใหญ่ของตลาดจีนอย่างไห่ตี้เหลา อินเตอร์เนชั่นนอล โฮลดิ้ง เจ้าของเชนร้านฮอตพอต ไห่ตี้เหลา ซึ่งมีสาขากว่า 1,300 สาขา ต้องเปิดตัวแบรนด์ย่อยที่ราคาจับต้องได้มากขึ้นมารับมือการแข่งขัน
โดยแบรนด์ใหม่นี้มีสาขาแรกอยู่ในมณฑลชานตง และใช้ระบบสายพานเพื่อเสิร์ฟอาหารเช่นเดียวกัน และตามข้อมูลของเตี้ยนผิง เว็บไซต์รีวิวสัญชาติจีน การทานอาหารในร้านนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 41 หยวน หรือประมาณ 192 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ปัจจุบันยังสามารถเห็นการใช้กลยุทธ์ 9.9 หยวนได้ในอีกหลายรูปแบบ เช่น โรงแรมบางแห่งเริ่มเปิดจำหน่ายคูปองบุฟเฟต์อาหารเช้าราคา 9.9 หยวนให้บุคคลภายนอก หวังชิงลูกค้าจากแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่กำลังบูมเมนูอาหารเช้าราคา 3 หยวน หรือประมาณ 14 บาท
กระแสความเคลื่อนไหวนี้ สะท้อนถึงการแข่งขันดุเดือดในวงการร้านอาหารและเครื่องดื่มของจีน ที่แต่ละรายพยายามหาทางเติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจขาลง และผลกระทบจากวิกฤตอสังหาฯ