แฟนพันธุ์แท้ต้องรู้จัก ! 9 แบรนด์ชาไทย รสชาติดี หอมชา ราคาเข้าถึงได้

9 แบรนด์ชาไทย

รวม 9 แบรนด์ชาไทย ไฮไลต์เด็ด รสชาติดี ราคาเข้าถึงได้ ที่แฟนพันธุ์แท้ และสาวกชาไทยต้องรู้จักอย่างแน่นอน

กระแสของชาไทยที่ยังไม่หมดไปถูกต่อยอดด้วยสาวน้อยซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลกอย่าง “ลิซ่า” ศิลปินคนไทยที่ไปโด่งดังไกลบ้านไกลเมือง แต่ก็ยังไม่หลงลืมเอาของดีในประเทศไปเผยแพร่สู่สายตาทั่วโลก

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ไปคอลแลบส์กับ Erewhon ซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้าออร์แกนิกสัญชาติอเมริกัน ต้นกำเนิดสมูทตี้ราคาไฮโซ ด้วยเมนูชาไทยในรูปแบบคนรักสุขภาพชื่อ “Thai Up The World”

ถึงแม้ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งอร่อยและมองว่า เป็นเมนูชาไทยแบบใหม่ที่คุ้มค่าที่จะลิ้มลอง กับอีกฝั่งที่มองว่า เมนูนี้ไม่ได้เหมือนกับต้นตำรับชาไทยที่ใครนิยม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เธอทำให้ชาไทยกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งทั้งในทั่วโลก และประเทศไทยเองด้วย

นอกจากเมนูของสาวลิซ่าที่น่าไปลองแล้ว สาวกชาไทยทั้งหลายก็คงตามไปดื่มชาไทยแบรนด์ต่าง ๆ ในประเทศกันด้วยเช่นกัน ประชาชาติธุรกิจรวม 9 แบรนด์ที่มีเมนูชาไทยรสชาติดี ราคาเข้าถึงได้ ให้ตามไปลองกัน

ชาตรามือ

ชาตรามือ
(เครดิตภาพ ChaTraMue)

แทบจะเรียกได้ว่าเป็นชาไทยต้นตำรับที่อยู่คู่ประเทศมาอย่างยาวนานเกือบ 80 ปี แบรนด์ชาที่เต็มไปด้วยของอร่อย ขวัญใจคนไทย โดยเฉพาะเมนูชาไทยที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ ด้วยความนิยมที่ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ดังไกลถึงต่างประเทศ

ADVERTISMENT

ปัจจุบันชาตรามือเป็น 1 ในนิมิตหมายของต่างชาติ ยามมาเยือนเมืองไทย ทั้งซื้อดื่มลิ้มลองมันตั้งแต่ที่ไทย พร้อมซื้อกลับบ้าน ในราคาเริ่มต้นแก้วละ 45 บาท ซึ่งนอกจากจะเป็นแบรนด์ที่ผลิตชาขึ้นมาขายที่หน้าร้านแล้ว ชาตรามือยังเป็นผู้ผลิตชาหลักให้กับแบรนด์อื่นอีกด้วย อาทิ อเมซอน ปัจจุบันชาตรามือมีทั้งหมด 170 แห่งทั่วประเทศ

Karun

(เครดิตภาพ Karun Thai Tea)

หนึ่งในร้านที่ปลุกกระแสการดื่มชาไทยสลัชชี่ที่มีสูตรชาไทยต้นตำรับจาก “บ้านการัน” ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2541 ก่อนจะกลายมาเป็นไอเดียสูตรชาไทยที่ถูกส่งต่อให้นำมาสร้างรายได้ ซึ่งชาไทยการันเคยถูกบรรจุในแก้วแบนแบบพกพา และจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์มาก่อน

ADVERTISMENT

ต่อมาจึงถูกพัฒนาให้กลายมาเป็น Karun Thai Tea ร้านขายชาที่คัดสรรใบชาคุณภาพดี กลายมาเป็นเมนูชาไทยที่คนไทยชอบดื่ม พร้อมมีเมนูเรือที่ใครก็ต้องนึกถึงอย่าง Blended Karun Thai Tea หรือชาไทยปั่นที่เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มในราคาเริ่มต้น 85-110 บาท

นอกจากเมนูชาไทยดั้งเดิมที่ขายดีแล้ว ยังมีเมนูอื่น ๆ ด้วย อาทิ ชาดำ ไอศกรีมเจลาโต้ และการนำชามาผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ยูซุ แอปเปิล ขิง และมะนาว ปัจจุบันการันมีสาขาทั้งหมด 10 แห่ง

True Coffee

(เครดิตภาพ TrueCoffee)

คาเฟ่ที่เกิดมาจากความตั้งใจให้ร้านกาแฟเข้ามาเติมเต็ม Lifestyle Enabler กลายมาเป็นทรูคอฟฟี่ มีเมนูเครื่องดื่มครบถ้วนตามที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งจะมี อาทิ โอเลี้ยง, กาแฟโบราณ, ยกล้อ, ชาดำเย็น, โอชา และชาเขียว

แต่ด้วยความโด่งดังบนโลกออนไลน์ของเมนูชาไทยเกล็ดหิมะ ทำให้เมนูชาไทยของทรูคอฟฟี่ถูกจัดเข้าไปในกลุ่มของ 1 ในร้านที่ชาวแฟนพันธุ์แท้ชาไทยต้องรู้จักและมีโอกาสได้ลิ้มลอง ปัจจุบันทรูคอฟฟี่มีสาขาทั้งหมด 78 แห่งทั่วประเทศ

ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน

(เครดิตภาพ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน)

ร้านชาไทยชื่อยาวที่น่าจดจำ มีที่มาจากความคิดว่า “ถ้ามีคนติดกาแฟทุกวันได้ แล้วทำไมเราจะกินชาเย็นทุกวันไม่ได้” เกิดมาเป็น “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” ร้านที่เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการต่อยอดกระแสชาไทย

ด้วยความคิดที่ว่าอยากมีร้านที่มีเมนูชาเย็นเป็นซิกเนเจอร์ที่มีรสชาติแบบดั้งเดิมที่เคยกินตั้งแต่เด็ก สำหรับคนรักชาเย็นที่มีบ้านเกิดอยู่ที่นครศรีธรรมราช ในราคาเริ่มต้น 70 บาท ซึ่งปัจจุบันฉันจะกินชาเย็นทุกวัน มีสาขาทั้งหมด 11 แห่งทั่วประเทศ

Chongdee Teahouse

(เครดิตภาพ Chongdee Teahouse – โรงชาชงดี)

ชงดี หรือ Chongdee Teahouse ร้านชาในเครือ ‘ซาลาเปาโกอ้วน’ ร้านติ่มซำชื่อกังจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ชงดีนำเสนอชาไทยที่เป็นชาใต้ 100% มีกลิ่นหอม และรสฝาดของชาติอ่อน ๆ ที่เลือกระดับความหวานได้ตั้งแต่ 30% ไปจนถึง 100% เสิร์ฟคู่กับปาท่องโก๋ เมนูของทอดยามเช้าขวัญใจคนไทย เพื่อทานคู่กัน ในราคาเริ่มต้น 85-125 บาท ปัจจุบันชงดีมีสาขาทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่

  • CentralWorld ชั้น 7 (ฝั่งตรงข้าม Momo Paradise)
  • Central Ladprao ชั้น 2 (บันไดเลื่อนกลาง)
  • Central Eastville ชั้น 1 (ใน Tops ข้างวราภรณ์)
  • ICONSIAM ชั้น 5 (หน้า MK Live)
  • The Circle ราชพฤกษ์

ธนาชาใต้

(เครดิตภาพ ธนาชาใต้)

ธนาชาใต้ หนึ่งในร้านชาไทยที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ โดยเริ่มต้นมาจากการจับกระแสชาไทย แม้เดิมทีจะเริ่มต้นมาจากธนา เจ้าของร้านที่มีชื่อเสียงมาจากแพลตฟอร์มออนไลน์ และมีฐานผู้ติดตามหลักแสนก่อนที่จะมาเปิดแบรนด์

แต่ด้วยความอร่อยของชาไทยที่ทางร้านตั้งใจให้คนไทยได้ดื่มชาไทย ในรสชาติต้นตำรับที่หากินได้ยากในกรุงเทพฯ และด้วยข้อได้เปรียบทางการมีบ้านเกิดอยู่ที่นครศรีธรรมราช ทำให้มีชารสชาติที่เหมือนกันกินที่บ้านแท้ ๆ มาเสิร์ฟในราคาเริ่มต้น 30-50 บาท ปัจจุบันธนาชาใต้เปิดขายเพียงสาขาเดียวที่ตลาดเซฟวันโก

Khiri Thaitea

(เครดิตภาพ Khiri Thai Tea)

คาเฟ่ชาไทยที่เริ่มต้นจากความชอบของเจ้าของร้านที่มีแพชชั่นในการศึกษาชาของแต่ละพื้นที่ตามจังหวัดต่าง ๆ กลายมาเป็นร้านคาฟ่ชาไทยย่านหัวลำโพงที่มีเมนูชาไทยที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ชาของคิริมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ Signature และ Single Origin Tea ที่เราสามารถเลือกได้ตามความชอบ

โดยในหมวดแรกเป็นหมวดที่รังสรรค์เมนูออกมาในรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ On Cloud ชาไทยเกล็ดน้ำแข็งท็อปด้วยครีม และทองมวนจากชุมชนหนึ่งในเพชรบุรี ฐานข้างล่างเติมเต็มด้วยบุกกรึบ ๆ และ Thai Tea Dirty นมสดท็อปด้วยชาไทยเข้มข้น ผสมกับชอตกาแฟบาง ๆ

ขณะที่หมวดที่สองเป็นชาจากเกษตรท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา ปัตตานี แม่ฮ่องสอน แพร่ ที่ต่างก็ปลูกและเลี้ยงดูแตกต่างกัน พร้อมทั้งให้รสชาติที่แตกต่างกันด้วย มีทั้งแบบคั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน

ชาไทย Fighting

(เครดิตภาพ ชาไทย Fighting)

ร้านชาไทยน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม 2566 นำเสนอชาไทยในรูปแบบสเลอร์ปี้ที่กำลังฮิตในไทย ด้วยความหอม หวาน มัน ฉ่ำไปด้วยชาเย็นในทุกหยด ทำให้ชาไทย Fighting กลายมาเป็น 1 ในร้านชาไทยที่หลายคนชื่นชอบ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 75 บาท

อีกทั้งยังเป็นร้านที่ชอบออกเมนูใหม่ ๆ ให้ทันต่อกระแสและความชอบของคนไทย อาทิ ชาไทย Fresh (ชาไทยไม่ใส่นม) ที่มีทั้งแบบปั่นและธรรมดา (เริ่มต้น 95 บาท), Dubai Thai tea icy ชาไทยที่ผสมส่วนประกอบจากเมนูดังอย่างช็อกโกแลตดูไบ (130 บาท)

ล่าสุด ทางร้านได้ออกเมนูใหม่อย่าง ‘ชาไทยไร้น้ำหนัก หรือ Thai Tea Light Flyweight’ ชาไทยพลังงานน้อย ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่ใส่นมข้นหวานและนมข้นจืด ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ แต่ยังอยากทานของอร่อย ทางร้านเลือกปรับวัตถุดิบให้มีเพียงนมสดและใส่ Allulose ซึ่งเป็นน้ำตาลจากแป้งข้าวโพด ความหวานคล้ายน้ำตาล แต่ให้แคลอรีที่น้อยกว่าถึง 90%

ตอนนี้ ชาไทย Fighting มีทั้งหมด 2 สาขาด้วยกัน ได้แก่ สาขา Central World ชั้น 1 และสาขา True Digital Park

Tawang

(เครดิตภาพ Tawang.th)

การกลับมาของรสชาติระดับตำนานแห่งเมืองลิกอร์อย่างขนมไข่และชาไทย ที่ได้สูตรดั้งเดิมมาจากท่าวัง ย่านการค้าสำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกนำกลับมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยจนเกิดเป็นเมนูชาไทย คู่มากับขนมไข่ที่ต่างก็เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน

สำหรับเมนูชาไทยทางร้านนำเสนอการเบลนด์สูตรพิเศษที่คัดสรรใบชาเกรดพรีเมี่ยมจากหมู่บ้านเกษตรกรในราคาเริ่มต้น 75 บาท ขณะที่ขนมไข่ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท โดยร้านท่าวังเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันท่าวังมีหน้าร้าน 2 สาขาด้วยกัน ได้แก่ Siam Discovery ชั้น 3 และ The Mall Ngamwongwan ชั้น G (โซนหน้าห้าง)