มิตซูบิชิลั่นไม่ร่วมสงครามราคา แม้ตลาดแอร์ 3.35 หมื่นล้านแข่งเดือด

แอร์ Mitsubishi 2568

มิตซูบิชิฯ กันยงวัฒนา คาดปี 2568 ตลาดแอร์โต 5% เป็น 33,500 ล้านบาท พร้อมแข่งราคาเดือด หลังที่อยู่อาศัย-ดาต้าเซ็นเตอร์-ท่องเที่ยวหนุนดีมานด์ ย้ำไม่ร่วมสงครามราคา หันเน้นนวัตกรรม ความคุ้มค่าและการบริการชิงลูกค้า มั่นใจยอดขายโต 10% รักษาโพซิชั่นเบอร์ 1 เครื่องปรับอากาศ

นายโทชิยูกิ อีซูกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น, พัดลม ปั๊มน้ำแบรนด์ “มิตซูบิชิ” ฉายภาพตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยปี 2568 นี้ว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศมีโอกาสเติบโตประมาณ 5% เป็น 33,500 ล้านบาท หลังปี 2567 ตลาดเครื่องปรับอากาศมีมูลค่า 31,200 ล้านบาท

โดยการเติบโตของปี 2568 นี้ มี 4 ปัจจัยหนุนหลักที่กระตุ้นดีมานด์ทั้งเครื่องปรับอากาศในบ้าน หรือ B2C และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์หรือ B2B ประกอบด้วย การเติบโตของที่อยู่อาศัยและความสนใจการประหยัดพลังงาน ที่สร้างดีมานด์การซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องแรก และซื้อทดแทนเครื่องเก่าในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป

ขณะที่ในตลาดแอร์พาณิชย์ กระแสลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลหรือ Data Center ช่วยสร้างดีมานด์เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ทำให้มีดีมานด์จากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ

มั่นใจโตได้ไม่พึ่งแข่งขันราคา

ผู้บริหาร มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ย้ำว่า แม้ตลาดเครื่องปรับอากาศปี 2568 จะยังคงเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทจะไม่เข้าร่วมสงครามราคาอย่างแน่นอน

โดยจะจูงใจผู้บริโภคด้วยไลน์อัพเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่มีนวัตกรรม-ดีไซน์ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย และการประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการตกแต่งบ้าน ของผู้บริโภคโดยเฉพาะระดับกลาง-บน

ADVERTISMENT

เช่นเดียวกับบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ด้านความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและร้านค้า หลังบริษัทเพิ่มช่องทางติดต่ออย่างแอปพลิเคชั่น LINE OA เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบริการหลังการขายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะการซ่อมหรือการขอคำปรึกษา

มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตถึง 10% หรือสูงกว่าการเติบโตของตลาดเท่าตัว รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเครื่องปรับอากาศให้สูงกว่าปัจจุบันที่ครองส่วนแบ่งในสัดส่วน 30% ด้วย

ADVERTISMENT

แอร์ 3 รุ่นใหม่ เน้นสมาร์ท-ดีไซน์-ประหยัดไฟ

ด้านสินค้ามีไฮไลต์เป็นเครื่องปรับอากาศ 3 รุ่น ประกอบด้วย มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ รุ่น XZ Series พร้อมเทคโนโลยี 3D Move-Eye Comfort Sensor และ Fast Cooling A.I. สำหรับตรวจจับอุณหภูมิและบุคคลในห้องเพื่อปรับการทำงานให้เหมาะสม รวมถึงยังได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว และมีทั้งสีขาวและสีดำใหม่ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัย

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ รุ่น GZ Series ที่พัฒนามาจาก XY Series เดิม มาพร้อม Eco-Eye Sensor ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวในห้องและเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ และฟังก์ชั่น Fast Cooling Plus สำหรับเร่งสปีดการทำความเย็น และได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ รุ่น Happy Plus Inverter (MZ Series) ซึ่งได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 1 ดาว

ขยายไลน์สินค้าชิงดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์

ในส่วนของแอร์เชิงพาณิชย์ และตลาด B2B นั้น จะโฟกัสชิงดีมานด์ในกลุ่มทุกธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน และอื่น ๆ

ด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง เช่น ระบบ VRF ประสิทธิภาพสูง และระบบทำความเย็นเชิงพาณิชย์ เช่น ชิลเลอร์ รวมถึงระบบ BMS (Building Management System) สำหรับควบคุมจัดการการทำงานอัตโนมัติด้วย เป็นต้น

โดยในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์นั้น จะเน้นชูความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากการมีไลน์อัพเครื่องปรับอากาศที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะสำหรับใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้งานในหลายแห่งแล้ว รวมถึงยังตั้งทีมงานสำหรับทำตลาดดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะขึ้นมาอีกด้วย

ร่วมกับการอัพเกรดศูนย์ฝึกอบรมช่างเครื่องปรับอากาศ ให้รองรับการฝึกช่างสำหรับเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก โดยเตรียมดึงทีมช่างของดีลเลอร์มาเข้ารับการอบรมด้วย ตามแผนเพิ่มความเข้มข้นในการรุกตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์

พาเหรดตู้เย็น-พัดลม-ปั๊มน้ำรุ่นใหม่

นายโทชิยูกิกล่าวต่อไปว่า นอกจากกลุ่มเครื่องปรับอากาศแล้ว บริษัทยังเปิดตัวสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น พัดลม ปั๊มน้ำ ฯลฯ อีกด้วย โดยมีรุ่นไฮไลต์ ประกอบด้วย

ตู้เย็น MR-WX70C (รุ่น 6 ประตู) เป็นรุ่นเรือธงที่นำเข้าจากญี่ปุ่น มีฟังก์ชั่น เช่น Super Cool Freezing ที่สามารถรักษาความสดของวัตถุดิบที่สามารถปรุงอาหารได้โดยไม่ต้องละลายน้ำแข็ง และ Super Cool Chilling รักษาความสดของเนื้อสัตว์ที่อุณหภูมิ 0 ถึง -3 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Vitamin Factory ช่วยรักษาวิตามินในผักใบเขียว

ตู้เย็น LX50 รุ่นใหม่ในซีรีส์พรีเมี่ยม มีฟังก์ชั่น Rapid Freezing ที่สามารถแช่แข็งได้เร็วกว่าเดิม 20%

พัดลมตั้งโต๊ะและตั้งพื้นกึ่งตั้งโต๊ะ ในโทนสีใหม่สไตล์ Creamy จำนวน 4 เฉดสี ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศห้องให้ดูผ่อนคลาย พัดลมติดผนัง ออกแบบตะแกรงหน้าใหม่เพิ่มแรงลมขึ้น 30% และส่งลมได้ไกลขึ้น รวมถึงมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับพัดลมระบายอากาศเป็นหน้ากาก 2 สีใหม่ คือสีน้ำตาลและสีดำ

ส่วนปั๊มน้ำ R2 Series เพิ่มปริมาณน้ำ และลดเสียงการทำงานลง รวมถึงมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น

อัดงบฯเพิ่ม 10% เป็น 1,200 ล้านบาทปลุกยอดขาย

สำหรับการทำตลาดในปีงบฯ 2568 (เมษายน 68-มี.ค. 69) นี้ บริษัทเตรียมงบฯการตลาดไว้กว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีงบฯ 2567 ประมาณ 10% มุ่งเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่

โดยมี 2 ไฮไลต์ คือ นนท์ ธนนท์ ที่รับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ปีที่ 3 และภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่สะท้อนจุดขายด้านความสบาย “ให้ ME เป็นความสบายให้คุณ” โดยการเล่าเรื่องราวผ่านเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ และเสียงร้องของนนท์ ธนนท์ ภายใต้แนวคิดที่สนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตให้ “ติดสบาย”

ขณะเดียวกันบริษัทจะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขาย และสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออฟไลน์ อาทิ บิลบอร์ด และรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ยิ่งขึ้น และบรรลุยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้