จีน-ญี่ปุ่นซัดหมัดต่อหมัด เปิดศึกฝัง AI ในสินค้ารับฤดูร้อน

แม้ปี 2568 อากาศจะยังไม่ร้อน แต่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 70,000 ล้านบาท เปิดฤดูแข่งขันร้อนแรงล่วงหน้าไปแล้ว เมื่อแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นและจีน เดินหน้าเปิดตัวไลน์อัพสินค้าปี’68 ทั้งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ออกมาประชันฟังก์ชั่น-นวัตกรรม AI ทั้งคู่ทุ่มงบฯการตลาดระดับพันล้าน อัดกิจกรรมปลุกยอดขาย โดยแบรนด์จีนเตรียมลงทุนตั้งฐานผลิตในไทย อาทิ ไฮเออร์ เตรียมลงทุนไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท, ไมเดียลงทุน 2,260 ล้านบาท

“ต่ง เจี้ยนผิง” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ปักธงว่าไทยยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพทั้งการจำหน่ายในประเทศ และการเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก เห็นได้จากตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยในปี 2568 นี้มีแนวโน้มเติบโต 5% จากปี 2567 ซึ่งตลาดมีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท ด้วยปัจจัยบวก

อาทิ อัตราครอบครองเครื่องปรับอากาศที่ยังมีเพียงประมาณ 50% ของครัวเรือน และสินค้าเครื่องตู้เย็นมีแนวโน้มเติบโต 10% หลังระบบโลจิสติกส์ของมาร์เก็ตเพลซรองรับการขนส่งสินค้าชิ้นใหญ่-น้ำหนักมาก รวมถึงยังมีโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ที่คาดว่าจะกระตุ้นตลาดช่วงไตรมาสแรกให้เติบโตได้ประมาณ 35%

อากาศ-E-Receipt ดันแข่งดุ

ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 นี้ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะแข่งขันดุเดือดเป็นพิเศษในรอบหลายปี จากสภาพเศรษฐกิจ-หนี้ครัวเรือน เพิ่มความท้าทายให้กลุ่มเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของหลายแบรนด์

“วรุตม์ เลขะจิระกุล” ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ประเมินว่า ปีนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศอาจแข่งขันกันดุเดือดมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงฤดูร้อนที่เป็นจังหวะขายสำคัญอากาศอาจไม่ร้อนจัดเท่าปีก่อนด้วยผลจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ดีมานด์เครื่องปรับอากาศลดลง

ส่งผลให้ผู้เล่นแต่ละรายต้องทำทุกวิถีทาง ในการใช้เงินในทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย และรักษาส่วนแบ่งการตลาด คาดว่าการแข่งขันจะเริ่มร้อนแรงตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่เป็นจังหวะซ้อนทับกับปลายโครงการ Easy E-Receipt เป็นต้นไป

ADVERTISMENT

ญี่ปุ่นชูนวัตกรรม-ราคาจับต้องได้

ในปีนี้ทั้งแบรนด์จีนและญี่ปุ่น ต่างตบเท้าเปิดตัวสินค้าความเย็นอย่างตู้เย็นรุ่นปี 2568 ที่อัดแน่นทั้งนวัตกรรม AI-สุขภาพ และระดับราคาจับต้องง่าย พร้อมทุ่มงบฯการตลาดระดับพันล้านบาท หวังสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งตลาด

“โทชิยูกิ อีซูกะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ประกาศทุ่มงบฯการตลาด 1,200 ล้านบาท สูงกว่าปีงบฯ 2567 ประมาณ 10% กระตุ้นยอดขายเครื่องปรับอากาศ หลังเห็นโอกาสจากเทรนด์การประหยัดพลังงาน ที่สร้างดีมานด์การซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องแรก และซื้อทดแทนเครื่องเก่า

ADVERTISMENT

พร้อมสินค้าไฮไลต์ อาทิ เครื่องปรับอากาศ รุ่น XZ Series พร้อมเทคโนโลยี 3D Move-eye Comfort Sensor และ Fast Cooling A.I สำหรับตรวจจับอุณหภูมิและบุคคลในห้องเพื่อปรับการทำงานให้เหมาะสม และฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว

ส่วนตู้เย็นมีรุ่นเรือธง MR-WX70C (6 ประตู) นำเข้าจากญี่ปุ่น มีฟังก์ชั่น เช่น Super Cool Chilling รักษาความสดของเนื้อสัตว์ที่อุณหภูมิ 0 ถึง -3 องศาเซลเซียส ทุ่มทำการตลาดโดยพรีเซ็นเตอร์ “นนท์ ธนนท์” เป็นปีที่ 3 และภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่

ด้านไดกิ้น “วรุตม์” กล่าวว่า ยุทธศาสตร์หลักของปี 2568 คือการเปลี่ยนภาพจำว่า เครื่องปรับอากาศไดกิ้นนั้นราคาแพง เป็นราคาดี คุณภาพเหมาะสมและฟังก์ชั่นคุ้มค่า เพื่อชิงลูกค้าที่ต้องการแอร์ราคาจับต้องได้ ด้วยสินค้ารุ่นใหม่ทั้ง Sabai Series มีราคาจับต้องง่ายกว่าเดิมเริ่มต้น 13,900 บาท

ส่วน KD Series และ KC Series นั้นชูความคุ้มค่าด้วยการนำฟังก์ชั่นจากรุ่นระดับบนอย่างระบบฟอกอากาศสตรีมเมอร์ และไวไฟ โดยขยายศูนย์บริการหลังการขายเพิ่มอีก 2 แห่งที่สมุย และหัวหิน รวมเป็น 16 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับโตชิบา ไทยแลนด์ จะเน้นแนวคิดนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง และดีไซน์เรียบหรู พร้อมการให้ฟังก์ชั่นมากกว่าคู่แข่ง เพื่อย้ำความคุ้มค่า อาทิ ตู้เย็นไซด์บายไซด์ และตู้เย็น 4 ประตู จะมีรุ่นความจุ 25 คิว ใหญ่ที่สุดในตลาด

โดยจะระดมโฆษณาผ่านบิลบอร์ดกว่า 3,000 จุดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด, คอนเทนต์ดิจิทัล, โซเชียลมาร์เก็ตติ้ง และทัพ KOLs และยังมีแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ระดับเอเชีย-แปซิฟิก “ทาคาชิ โซริมาจิ” นักแสดงชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น มาตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น

จีนยกระดับสู่พรีเมี่ยม

ด้านแบรนด์จีน นอกจากการทุ่มเม็ดเงิน และสินค้านวัตกรรมแล้ว ยังมุ่งหน้ายกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์จีนสู่อินเตอร์แบรนด์-แบรนด์พรีเมี่ยมด้วย

โดยไฮเออร์ ประกาศทุ่มงบฯระดับพันล้านบาท พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ใช้งบฯ 1,200 ล้านบาท ทำการตลาดเข้มข้น โดยการแต่งตั้ง “แบมแบม กันต์พิมุกต์” ซูเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ ซึ่งมีอิทธิพลทั้งในวงการเพลงและแฟชั่น เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนล่าสุด

ตามแผนยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ไฮเออร์จากแบรนด์จีน ไปสู่อินเตอร์แบรนด์ รวมถึงกระตุ้นการขายให้ทัพสินค้าใหม่ อาทิ สินค้าเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน, เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์, ตู้เย็น ฯลฯ รวมกว่า 50 รุ่น

มีไฮไลต์เป็น เครื่องปรับอากาศรุ่น Haier UV Cool Voice Series ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือไวไฟ และตู้แช่ รุ่น HCF-200DP60 สามารถทำความเย็นได้ถึง -60 องศา เป็นต้น ตั้งเป้ายอดขาย14,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 28%

ด้านทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด จะย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และบริการหลังการขาย เพื่อบรรลุเป้าการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าใน 3 ปี จึงต้องยกระดับภาพลักษณ์ไปสู่แบรนด์พรีเมี่ยมด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าสุขภาพ

ด้วยสินค้าไฮไลต์อย่างเครื่องปรับอากาศ FreshIN 3.0 Series ที่มีฟังก์ชั่นนำเข้าอากาศจากภายนอกเข้ามาในบ้าน ผ่านระบบกรองอากาศ ตอบโจทย์ผู้บริโภคระดับกลาง-บนที่สนใจด้านสุขภาพ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ฯลฯ พร้อมเพิ่มงบฯการตลาดขึ้น 40% เพื่อขยายการสื่อสารไปยังตลาดต่างจังหวัด

โดยในปี 2568 นี้ ตั้งเป้ายอดขายเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 500,000 เครื่อง เพิ่มจากปี 2567 มียอดขาย 380,000 เครื่อง และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วมีรายได้ 8,000 ล้านบาท

“คลาร่า ชาง” ประธานกลุ่มบริษัทไฮเซ่นส์ประจำภูมิภาคอาเซียน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การจูงใจลูกค้าเป็นความท้าทายหลักในตลาด แบรนด์จึงต้องมุ่งสร้างความโดดเด่นเพื่อฉีกตัวเองจากคู่แข่งจำนวนมากในตลาด โดยรุกชิงผู้บริโภคระดับกลาง-ไฮเอนด์ ด้วยนวัตกรรมและดีไซน์ เช่น เครื่องซักผ้ารุ่น WD105R5 ดีไซน์สไตล์เรโทร ฯลฯ เชื่อว่าสินค้าใหม่จะผลักดันยอดขายปี’68 ให้เติบโตมากกว่า 30%

ดีกรีการแข่งขันตลาดเข้มข้นขึ้น เมื่อผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไมเดีย ตั้งเป้าปี 2568 จะมุ่งทำตลาดด้วยคอนเซ็ปต์ “แกร่ง ทน ครบเครื่อง” ซึ่งสะท้อนถึงจุดแข็งทั้งในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ทนทาน และนวัตกรรม นำเครื่องปรับอากาศรุ่น “Numen” มีไฮไลต์ระบบ AI ควบคุมอุณหภูมิ และประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 30%