ประธานพานาโซนิค เผยเตรียมลดขนาด-ขายธุรกิจทีวี

Panasonic

ยูกิ คูซูมิ ประธานของพานาโซนิค โฮลดิ้ง เผยกำลังพิจารณาลดขนาดหรือขายธุรกิจทีวี พร้อมเขย่าโครงสร้างธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ารอบใหม่ ตามแผนปรับโครงสร้างเน้นความรวดเร็วในการตัดสินใจ และการเติบโต 

สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า “ยูกิ คูซูมิ” (Yuki Kusumi) ประธานบริษัทพานาโซนิค โฮลดิ้ง (Panasonic Holdings Corp.) ระบุว่า บริษัทกำลังพิจารณาการขายหรือปรับลดขนาดธุรกิจทีวีที่กำลังประสบปัญหาอยู่ลง เนื่องจากบริษัทกำลังดำเนินการปรับโครงสร้างเพื่อที่จะสามารถทำการตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น และมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของบริษัท 

คูซูมิ กล่าวถึงธุรกิจทีวีของพานาโซนิค ระหว่างการแถลงข่าวออนไลน์ว่า พร้อมที่จะขายธุรกิจทีวีถ้าหากมีความจำเป็น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย และในปัจจุบันคิดว่าไม่มีบริษัทใดที่จะมาซื้อธุรกิจนี้ ดังนั้นจะต้องพิจารณาการเพิ่มตัวเลือกอื่น ๆ ให้มากขึ้น

ออมเดีย (Omdia) กลุ่มวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากจำนวนสินค้าที่จัดส่งแล้ว พานาโซนิคมีส่วนแบ่งตลาดทีวีจอแบนในประเทศญี่ปุ่น ช่วงมกราคมถึงมิถุนายน 2024 ที่ 12.8% ลดลงจากเมื่อปี 2010 ที่มีส่วนแบ่งประมาณ 20%

ส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงนี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าราคาจับต้องได้จากผู้ผลิตชาวจีน ขณะเดียวกันพานาโซนิค ยังไม่ได้ทำตลาดทีวีในสหรัฐมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งเมื่อปี 2024 

ทั้งนี้ คาดว่าในปีงบฯ 2024 พานาโซนิค จะมียอดขายจากธุรกิจสินค้าภาพและเสียง รวมไปถึงกล้องถ่ายรูป 284,000 ล้านเยน (ประมาณ 62,504 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นเพียง 3% ของยอดขายรวมที่บริษัทคาดการณ์ไว้ 

ADVERTISMENT

สะท้อนถึงโพซิชั่นของกลุ่มสินค้าภาพและเสียงของพานาโซนิคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับในช่วงปี 1990s ที่สินค้าทีวีเคยเป็นสินค้าสำคัญของบริษัท

นอกจากนี้ เมื่อปี 2016 พานาโซนิคหยุดการผลิตจอแอลซีดี (LCD) สำหรับทีวีจากโรงงานของตัวเองและหันไปซื้อจอแอลซีดีจากเกาหลีใต้ และซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ แทน 

ADVERTISMENT

สำหรับอนาคตของธุรกิจทีวีของพานาโซนิคหลังจากนี้ มีแนวโน้มว่าจะขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน และผู้ที่จะมาพันธมิตรทางธุรกิจต่อศักยภาพของแบรนด์ “พานาโซนิค” และเครือข่ายการขายสินค้าที่บริษัทครอบครองอยู่

เขย่าโครงสร้างธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า

ขณะเดียวกันนอกจากธุรกิจทีวีแล้ว พานาโซนิค โฮลดิ้ง ยังประกาศแผนปรับโครงสร้างบริษัท ด้วยการยุบหน่วยธุรกิจที่ดูแลกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านลง ภายในสิ้นปีงบฯ 2025 

โดยหลังการยุบหน่วยธุรกิจนี้ พานาโซนิค โฮลดิ้ง จะตั้งบริษัทใหม่ 3 บริษัท มาดูแลธุรกิจส่วนนี้แทน ทั้งกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (White Goods) อาทิ ตู้เย็น เครื่องล้างจาน เครื่องปรับอากาศ การกระจายสินค้าอาหาร ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแสงสว่าง และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ 

แผนการปรับโครงสร้างบริษัทในครั้งนี้ จะมีการรวมหน่วยธุรกิจที่ดูแลกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อความบันเทิง อย่าง ทีวี วิทยุสเตอริโอ ฯลฯ เข้ากับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอีกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันภายใต้ พานาโซนิค โฮลดิ้ง นั้นมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจทั่วไป (Operating Company) อยู่ทั้งหมด 6 บริษัท ไม่รวมธุรกิจด้านยานยนต์ที่ถูกขายไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่การปรับโครงสร้างธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าจะทำให้ จำนวนบริษัทภายใต้ พานาโซนิค โฮลดิ้ง มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 7 บริษัท

นอกจากนี้ พานาโซนิคยังตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานในปี 2028 ให้สูงขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านเยน (ประมาณ 66,018 ล้านบาท) จากมูลค่า 750,000 ล้านเยน (ประมาณ 165,071 ล้านบาท) ของปี 2024 

ส่วนเป้าหมายด้านสัดส่วนผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7% ในปีงบประมาณ 2024 นั้น จะเพิ่มเป็นมากกว่า 10% ในปีงบฯ 2028 

คูซูมิกล่าวว่า จะดำเนินการปฏิรูปบริษัทให้แล้วเสร็จภายในปีงบฯ 2025 และมีแผนจะเปิดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดภายในปีงบประมาณ 2025 ด้วย รวมถึงมุ่งยกระดับความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจหลังอย่าง ธุรกิจแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

กลุ่มบริษัทพานาโซนิคประกาศว่า รายได้จากการขายรวมของบริษัทในปีงบฯ 2024 คาดว่าจะอยู่ที่ 8.3 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) ลดลง 2% จากปีก่อนหน้า โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า 300,000 ล้านเยน (ประมาณ 66,009 ล้านบาท) เป็นผลมาจากยอดขายของบริษัทอุปกรณ์ภายในรถยนต์

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิของบริษัทในปีงบฯ 2024 ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ “คูซูมิ” ดำรงตำแหน่งประธานในปี 2021 ได้มีการทบทวนพอร์ตโฟลิโอธุรกิจของพานาโซนิคมาอย่างต่อเนื่อง แต่การตัดสินใจขายธุรกิจอุปกรณ์ภายในรถยนต์ และโปรเจ็กเตอร์เชิงพาณิชย์นั้น กลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในตลาดหุ้นนัก 

และในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2023 คูซูมิระบุว่า ต้องการเพิ่มอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV Ratio) ของพานาโซนิคให้อยู่ที่ระดับ 2 ถึงระดับ 3 แต่ในปัจุบันนั้นยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่านั้น 

ที่มา : Nikkei Asia