
MI GROUP เผยคาดการณ์ 12 กลุ่มสินค้าและบริการที่จะเพิ่ม-ลดงบโฆษณาในปี 2568 นี้ พร้อมวิเคราะห์สาเหตุ
ความผันผวนของปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ รวมกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทำให้ปี 2568 นี้ ทำให้มีกลุ่มสินค้า-บริการ ถึง 12 กลุ่ม ที่มีแนวโน้มที่จะปรับลด-เพิ่มการใช้งบโฆษณา ด้วยสาเหตุ แตกต่างกัน
“ภวัต เรืองเดชวรชัย” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพว่า ตามข้อมูลของ MI LEARN LAB นั้น เม็ดเงินโฆษณาและสื่อสารการตลาดปีนี้จะโต 4.5% อยู่ที่ 92,048 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตของสื่อดิจิทัล รวมถึงสื่อโซเชียล ที่โต 15% ส่วนสื่อนอกบ้านโต 10% ขณะที่สื่อดั้งเดิมยังคงถดถอยต่อเนื่อง
การเติบโตของสื่อดิจิทัลนี้ ทำให้สื่อดิจิทัลครองตำแหน่งสื่ออันดับ1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ด้วยมูลค่ารวม 38,938 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2568 นี้ สัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาในสื่อต่าง ๆ จะแบ่งเป็น สื่อดิจิทัล 45% และสื่อออฟไลน์โดยรวม 55%
โดย 3 สื่อหลักคือ สื่อดิจิทัล, สื่อโทรทัศน์ และ สื่อนอกบ้าน ยังมีคงบทบาทสำคัญที่แตกต่างกันต่อการสื่อสารการตลาด
อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมจะเติบโต แต่ด้านสินค้า-บริการ มีทั้งกลุ่มที่มีแนวโน้มจะทุ่มงบฯ โฆษณาเพิ่ม และกลุ่มที่จะลดงบฯ โฆษณาลง
กลุ่มที่มีแนวโน้มจะเพิ่มงบฯ
- สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม สายการบิน แพลตฟอร์ม-แอปพลิเคชันท่องเที่ยว
- ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และโบรกเกอร์ประกัน รวมถึงวิตามิน อาหารเสริม และยา
- ภาครัฐ
- การขนส่ง เช่น บริการส่งอาหาร ส่งพัสดุ
- อาหารและสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
สินค้าและบริการเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยว การเข้าสู่สังคมสูงวัย และความตื่นตัวด้านสุขภาพ ไปจนถึงการแข่งขันในวงการธุรกิจนั้น ๆ ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังคงต้องการเข้าถึงเงินทุน จากแหล่ง ๆ นอกเหนือจากธนาคาร ด้วย
นอกจากนี้ยังมี การประกาศนโนบาย-โครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ทำให้หน่วยงานรัฐต้องใช้งบฯ เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังผู้บริโภค
กลุ่มที่คาดว่าจะใช้งบลดลง
- E-Marketplace เช่น Shopee, Lazada
- เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำอัดลม กาแฟ
- ร้านอาหาร
- ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน
- ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร
ปัจจุบัน วาระต่าง ๆ ที่แพล็ตฟอร์มใช้จัดแคมเปญ เช่น 2.2, 11.11 เป็นที่รู้จักและผู้บริโภคจดจำได้แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้งบฯ เพื่อโฆษณา และสามารถหันไปใช้เม็ดเงินกับการทำโปรโมชั่น อย่าง คูปองแทน
ส่วนสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง น้ำอันลม กาแฟ สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ หรือร้านอาหาร นั้น ความกดดันจากสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ต้องมุ่งทำโปรโมชั่น เพื่อสร้างยอดขายเป็นตัวเงินที่จับต้องได้ มากกว่าใช้เพื่อสร้างการรับรู้ชื่อยี่ห้อ หรือชื่อร้าน