“ศรีจันทร์” เร่งออกสินค้าใหม่ รับมือ “ตลาดบิวตี้” โตต่อเนื่อง

srichan
รวิศ หาญอุตสาหะ

“ศรีจันทร์” รุกตลาดความงามปี’68 เต็มสูบ รัวออกสินค้าใหม่ 3 รายการต่อเดือน หวังขยายฐานลูกค้าไทย-เทศ พร้อมเตรียมขยายการส่งออก “ตะวันออกกลาง-เอเชีย” กระจายความเสี่ยงรับมือสงครามการค้า เน้นชูจุดแข็งคุณภาพ-ราคาคุ้มค่า ตั้งเป้าสิ้นปี 2568 ยอดขายพุ่ง 20-30% แตะ 2,300 ล้านบาท

นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์เครื่องสำอางศรีจันทร์ และศศิ เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังคงผันผวน และกำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มจะลดลง แต่ตลาดเครื่องสำอางไทยในปัจจุบันยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 นี้คาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 6-7%

ด้วยปัจจัยหนุนจากผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามา ผลักดันให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ความงามทั้งใน Duty Free และร้านค้าปลีกเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจในปี 2568 ยังมีความท้าทาย เนื่องจากแม้ภาพรวมตลาดความงามจะยังเติบโตได้ดี แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายต่างประเทศ เช่น นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ และความผันผวนของซัพพลายเชน อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกของไทย เช่นเดียวกับการแข่งขันกับสินค้าแบรนด์จีนซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถทำราคาแข่งขันได้ดี

เพิ่มความถี่เปิดตัวสินค้าใหม่

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด โดยเบื้องต้นบริษัทวางกลยุทธ์เพิ่มความถี่ของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จากเดิมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุก 2-3 สัปดาห์ หรือประมาณ 1-2 รายการต่อเดือน เป็น 3 รายการต่อเดือน

รวมถึงยังมีแผนขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มผู้ที่มีความต้องการเฉพาะ และผลิตภัณฑ์ที่เป็น “Local Life” หรือการตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของคนไทยมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยเริ่มให้ความสนใจกับแบรนด์ท้องถิ่นมากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์สภาพผิวและสภาพอากาศได้ดีกว่าแบรนด์ต่างชาติ

ADVERTISMENT

บุกเบิกตลาดใหม่รับความท้าทาย

นายรวิศกล่าวต่อว่า สำหรับการรับมือความท้าทาย บริษัทวางกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง โดยมองหาตลาดใหม่ ๆ นอกเหนือจากตลาดหลัก ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต ในปีนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดเพิ่มในตะวันออกกลางและเอเชีย ปัจจุบันตลาดต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายทั้งหมด

ขณะที่ในด้านการแข่งขันกับสินค้าจากจีน ยังเชื่อมั่นว่าแบรนด์ไทยยังมีข้อได้เปรียบในด้านคุณภาพและความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมั่นคง

ADVERTISMENT

“ปัจจุบันต้องยอมรับว่าผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อตามราคาเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและเรื่องราวของแบรนด์ ซึ่งเครื่องสำอางไทยมีความน่าเชื่อถือในสายตาของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ผ่านการพัฒนาสินค้าที่เหมาะกับภูมิอากาศและสภาพผิวในแต่ละประเทศ”

ดันความงามไทยสู่เวทีโลก

นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐในการช่วยผลักดันอุตสาหกรรมความงามไทยสู่เวทีโลกก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเบื้องต้นรัฐบาลควรมีบทบาทเป็นตัวกลางในการช่วยเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม รวมถึงสนับสนุนให้มีเวทีสำหรับนำเสนอสินค้าไทยในระดับสากลมากขึ้น

ในแง่ความร่วมมือกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมบันเทิงยังถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาด โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านซีรีส์และเพลง จะสามารถช่วยสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปี’68 ตั้งเป้าโต 20-30%

อย่างไรก็ตาม จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าปิดปี 2568 บริษัทจะมียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 2,200-2,300 ล้านบาท หรือเติบโตอยู่ที่ 20-30% ในปี 2568 จากปีก่อนหน้ามียอดขายอยู่ที่ 1,670 ล้านบาท