
“แม็คกรุ๊ป” ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง ไตรมาส 2 ปีบัญชี 2568 กำไรสุทธิ 305 ล้านบาท โต 130% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แรงหนุนจากยอดขายออนไลน์พุ่ง 63.9% ขณะที่งวด 6 เดือนแรก แม้จะมีรายได้ลดลง 0.3% จากกำลังซื้อในช่องทางออฟไลน์ที่ลดลง แต่แบรนด์ “แม็คยีนส์” ยังคงครองแชมป์ยอดขายสูงสุดบน TikTok
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2568 (1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2567) ว่า กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% จากไตรมาสแรกปีบัญชี 2568 ที่มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.5%
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีบัญชี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 19.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลจากยอดขายที่เติบโตและบริษัทมีการบริหารต้นทุนการขายและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“MC ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีต่อเนื่อง โดยงวดไตรมาส 2 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 64.9% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 64% ขณะที่งวดครึ่งปีแรกปีบัญชี 2568 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65.1% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 64.8%”
ทั้งนี้ งวดไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 1,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เป็นผลจากการเติบโตต่อเนื่องของรายได้จากช่องทางขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าออนไลน์ทั้งสิ้น 212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83 ล้านบาทหรือ 63.9%
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีบัญชี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,178 ล้านบาท ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำลังซื้อในช่องทางออฟไลน์ที่ลดลง แต่มีรายได้จากช่องทางออนไลน์ เติบโตดีมาก โดยงวดครึ่งปีมีรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าออนไลน์ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาทหรือ 47.3%
“ช่องทางขายผ่านร้านค้าออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น หลังแบรนด์แม็คยีนส์ติดอันดับหนึ่งแบรนด์ที่มียอดขายมากที่สุดใน TikTik โดยงวดครึ่งแรกของปีบัญชี 2568 สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16% จาก 10% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนช่องทางขายอื่น ๆ สัดส่วนลดลง โดยช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง มีสัดส่วน 65% ลดลงจาก 68% มีรายได้ 1,426 ล้านบาท, ห้างสรรพสินค้า 17% จาก 19% มีรายได้ 379 ล้านบาท และช่องทางอื่น ๆ คิดเป็น 1% จาก 3%”
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หลัก ที่มุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ที่ทำมาต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง และหนุนให้ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นขึ้นไปอยู่ที่ 19.2% ณ สิ้นธันวาคม 2567