“เซ็นทารา” กางแผนลงทุน 3 ปี 1.9 หมื่นล้าน เปิด 9 โรงแรมใหม่-เสริมแกร่งธุรกิจ

“เซ็นทารา” กางแผนลงทุน 3 ปี 19,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตต่อเนื่อง ปี 2568 เตรียมเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม 9 แห่งทั้งไทย-เทศ พร้อมลุยปรับโฉม “เซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน-เซ็นทารา แกรนด์ กระบี่” เป็นโรงแรมระดับลักเซอรี่ คาดสิ้นปี 2568 รายได้แตะ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% หลังปี 2567 มีรายได้ 11,162 ล้าน โต 12% 

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่า ปี 2567 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของเซ็นทารา โดยมีรายได้สูงสุดตั้งแต่ที่บริษัทเปิดดำเนินการมา

โดยโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% หรือประมาณ 1,230 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,097 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าช่วงปี 2019 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปัจจัยหนุนจากที่ทางเซ็นทาราได้มีการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์ อย่าง “เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” และได้กลับมาเปิดให้บริการ “เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” และ “เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต” หลังจากที่ปิดรีโนเวตครั้งใหญ่ จึงทำให้มีอัตราค่าห้องพักปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ยอดขายโรงแรมในญี่ปุ่น ยังคงมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเข้าร่วมอีเวนต์สำคัญ อย่าง “Wold Expo 2025” ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์

ADVERTISMENT

ลุยเปิดตัวโรงแรมใหม่ 9 แห่ง

สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป “เซ็นทารา” จะยังคงขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าการลงทุนภายใน 3 ปี (2568-2570) ไว้ราว ๆ 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนธุรกิจโรงแรม 11,000-12,000 ล้านบาท ธุรกิจร้านอาหาร 3,300 ล้านบาท และการลงทุนที่อยู่ระหว่างการวางแผนอีกราว ๆ 4,000 ล้านบาท

โดยในปี 2568 ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ได้วางงบฯลงทุนไว้ราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งหลัก ๆ จะเป็นการเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง ประมาณ 1,497 ห้อง แบ่งเป็นโรงแรมในต่างประเทศ 5 แห่ง นำโดย “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” จำนวน 142 ห้อง ที่จะเปิดตัวในวันที่ 1 เมษายน 2568

ADVERTISMENT

ต่อด้วย อันนะปุรณะ เมาท์เทน รีสอร์ท และโรงแรมภายใต้แบรนด์ “เดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น” อีกหนึ่งแห่งบนเกาะบาหลี ที่จะกลายมาเป็นรีสอร์ตแรกภายใต้เครือเซ็นทาราในประเทศเนปาลและอินโดนีเซีย และโรงแรมเซ็นทารา และเรสซิเดนซ์ วังดอน และคริสตัล ฮอลิเดย์ อาร์เบอร์ วังดอน จำนวนรวมทั้งสิ้น 977 ห้อง ในประเทศเวียดนาม

ขณะที่ในไทยเตรียมเปิดตัวอีกประมาณ 3-4 แห่ง อาทิ เกาะพีพี, เกาะสมุย ราชบุรี และในสุราษฎร์ธานี โดยเบื้องต้นในเกาะสมุย มีแผนขยายโรงแรมเพิ่มด้วยการซื้อที่ดินเพิ่มอีก 4 ไร่ ข้าง ๆ “เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย” เพื่อสร้างเป็นวิลล่า 40-50 หลัง และที่เหลือเป็นโรงแรม ใช้งบฯลงทุน 500 ล้านบาท โดยคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้

เช่นเดียวกับประเทศดูไบ ที่จะมีการซื้อที่ดินเพิ่ม 14 ไร่ เพื่อขยายห้องพักเป็น 600 ห้อง จากปัจจุบันมีอยู่ 200 ห้อง ใช้งบฯลงทุน 1,400 ล้านบาท โดยคาดแล้วเสร็จปี 2570-2571

“เซ็นทารา”

เร่งปรับโฉม-เพิ่มโอกาสการเติบโต

นอกจากแผนการเปิดตัวโรงแรมใหม่แล้ว เซ็นทาราก็มีแผนที่จะปรับโฉม “เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลล่า หัวหิน” จำนวน 214 ห้อง โดยจะมีการทยอยปิดปรับปรุงพื้นที่บางส่วน เพื่อสร้างเป็นห้องพักประเภทวิลล่าอีก 70 หลัง โดยจะอยู่ภายใต้แบรนด์ “เดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น” ผนวกเข้ากับห้องพักที่จะสร้างใหม่เพิ่มอีก 200 ห้อง ภายใต้แบรนด์ “เซ็นทารา ไลฟ์” รวมทั้งสิ้นจะมีห้องพักกว่า 484 ห้อง ใช้งบฯลงทุนทั้งหมด 2,500 ล้านบาท

เช่นเดียวกับ ”เซ็นทารา แกรนด์ บีชรีสอร์ทและวิลล่า กระบี่” ที่ในปีนี้มีแผนปิดปรับปรุงเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้ายกระดับให้เป็นโรงแรมระดับลักเซอรี่แห่งที่สองของโลก ภายใต้แบรนด์ “เซ็นทารา รีเซิร์ฟ” ใช้งบฯลงทุนทั้งหมด 1,600 ล้านบาท

รวมถึงยังมีแผนปรับโฉมรีสอร์ตภายใต้แบรนด์ “เดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น” ไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในปีนี้อีกด้วย จากปัจจุบันมีโรงแรมภายใต้แบรนด์นี้ทั้งหมด 3 โรงแรม ได้แก่ มัชชาฟูชิ ไอส์แลนด์ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์, รุกข์ คีรี เขาใหญ่ และวารีวาน่า รีสอร์ท เกาะพะงัน

ตั้งเป้าปี’68 รายได้แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่และการปรับโฉมโรงแรมต่าง ๆ ในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลให้อัตราการเข้าพัก (OCC) เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากปีก่อนอยู่ที่ 70% และมีราคาห้องพักต่อคืน (ADR) เพิ่มขึ้นเป็น 6,200 บาทต่อคืน จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 5,700 บาทต่อคืน และมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) เพิ่มขึ้นเป็น 4,500-4,800 บาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 4,100 บาท

รวมถึงคาดว่ารายได้รวม (รวมโรงแรมร่วมทุน) ณ สิ้นปี 2568 จะเติบโตประมาณ 23% หรือมีรายได้แตะ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้าภายในปี 2570 เซ็นทาราจะติดท็อป 100 แบรนด์โรงแรมโลก ด้วยจำนวนห้องพักที่จะแตะ 20,000 ห้อง

“เซ็นทารา”

ธุรกิจโรงแรมปี’68 ยังสดใส

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมในปี 2568 มองว่าจะเป็นปีที่ดีของภาคธุรกิจโรงแรม หากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโลก ขณะที่การสนับสนุนจากภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการรักษาการเติบโตในระยะยาว

โดยอย่างในช่วงสงกรานต์นี้ ที่รัฐบาลจะมีการจัดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว อย่าง แคมเปญมหาสงกรานต์ ก็คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้มียอดจองล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 15% โดยเฉพาะในพื้นที่ยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ พัทยา สมุย กระบี่ และภูเก็ต