‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ ยังไม่ถอดใจ งัดทุกกลเม็ด ดิ้นหนีข้อเสนอซื้อกิจการ

7-11 ‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ ยังไม่ถอดใจ งัดทุกกลเม็ด ดิ้นหนีข้อเสนอซื้อกิจการ
คอลัมน์ : Market Move

แม้จะต้องล้มแผนระดมเงินมาซื้อกิจการตัวเองออกจากตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น หลังไม่สามารถรวบรวมเงินได้มากพอ แต่ เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้ง ยังเดินหน้าหาหนทางอื่น ๆ มารับมือความพยายามเข้าซื้อกิจการของ อาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ ยักษ์ค้าปลีกจากแคนาดา ให้ทันก่อนเดดไลน์เดือนพฤษภาคม 2025 ที่จะถึงนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือการพยายามดันราคาหุ้นให้สูงกว่า 18.19 ดอลลาร์สหรัฐ

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings) กำลังพยายามป้องกันการเสนอเข้าซื้อกิจการจาก อาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ (Alimentation Couche-Tard) บริษัทคู่แข่งจากแคนาดา โดยการใช้มาตรการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่

ทั้งนี้ ความสำเร็จของแผนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจะสามารถยกระดับราคาหุ้นให้สูงกว่าราคาเสนอเข้าซื้อกิจการ 18.19 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อาลิมองตาซิยงเสนอไว้ได้หรือไม่

มาตรการปรับโครงสร้างดังกล่าว รวมถึงการขายหุ้นในบริษัทยอร์ก โฮลดิงส์ (York Holdings) ให้กับ เบน แคปิตอล (Bain Capital) กองทุนเพื่อการลงทุนจากสหรัฐและลดการถือหุ้นในบริษัทเซเว่น แบงก์ (Seven Bank) ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2025 นี้ นอกจากนี้ยังจะมีการแต่งตั้ง สตีเฟน เฮยส์ ดาคัส (Stephen Hayes Dacus) ผู้อำนวยการกรรมการอิสระภายนอกมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท

“ริวอิจิ อิซะกะ” (Ryuichi Isaka) ประธานเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคมว่า บริษัทได้เข้าสู่ช่วงที่ต้องนำนโยบายใหม่ ๆ มาใช้เพื่อที่บริษัทจะสามารถเติบโตต่อไปได้ในอนาคต

ทั้งนี้ หนึ่งมาตรการสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของบริษัท นั่นคือการขายหุ้น IPO (Initial Public Offering : IPO) ของ เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven Inc.) บริษัทย่อยที่เป็นผู้บริหารเชนร้านสะดวกซื้อในสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเทศคาดว่า มูลค่าของบริษัทจะอยู่ที่ราว 5,000,000 ล้านเยน (ประมาณ 1,142,452 ล้านบาท) และเซเว่น แอนด์ ไอ จะขายหุ้นบางส่วนในภาคธุรกิจนี้เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด

ADVERTISMENT

เงินจากแผนการนี้ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้สำหรับการซื้อหุ้นคืน มูลค่ากว่า 2,000,000 ล้านเยน (ประมาณ 457,061 ล้านบาท) ถือเป็นหนึ่งในการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทในญี่ปุ่น

ดาคัส กล่าวในงานแถลงข่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในอดีตบริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงผลตอบแทนการลงทุน (Shareholder Returns) มากเพียงพอ และเซเว่น แอนด์ ไอ จะเปิดตัวระบบใหม่ที่จะค่อย ๆ เพิ่มเงินปันผลให้สูงขึ้น ซึ่งจะเสริมแกร่งนโยบายการให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท

ADVERTISMENT

เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับข้อเสนอเข้าซื้อกิจการจากอาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ ของแคนาดา เพื่อตอบโต้กับข้อเสนอดังกล่าว คณะกรรมการพิเศษของเซเว่น แอนด์ ไอ ได้พิจารณา 3 ทางเลือก ได้แก่ การยอมรับข้อเสนอเข้าซื้อกิจการ, การนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ หรือการเดินหน้าธุรกิจต่อไปโดยไม่รับข้อเสนอซื้อกิจการ

ก่อนหน้านี้ แผนนำบริษัทออกจากตลาดของครอบครัวอิโตะ หรือครอบครัวผู้ก่อตั้งเซเว่น แอนด์ ไอ ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากประสบปัญหาในการระดมทุน ทำให้เซเว่น แอนด์ ไอ นั้นเหลือเพียงแค่ 2 ตัวเลือกเท่านั้น

โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2025 ราคาหุ้นของเซเว่นแอนด์ไอ ปิดที่ 2,120 เยน (ประมาณ 483 บาท) ซึ่งต่ำกว่า ราคาที่อาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ เสนอไว้ในราคา 18.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ถึง 20%

ดังนั้น แผนที่จะเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น นั้นเพื่อเอาใจและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจนสูงกว่าราคาที่ อาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ เสนอซื้อ

อย่างไรก็ตาม การเสนอเข้าซื้อกิจการของอาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ ก็เผชิญกับอุปสรรคเช่นเดียวกัน โดยเป็นเรื่องของการรับมือกับกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้อาลิมองตาซิยงฯยังไม่มีมาตรการที่จะมารับมือกฎหมายดังกล่าว

ขณะเดียวกัน การนำเงินที่ได้จากการปรับโครงสร้างมาใช้กับการซื้อหุ้นคืน สร้างกระแสความกังวลว่า เซเว่น แอนด์ ไอ จะมีทรัพยากรไม่เพียงพอสำหรับลงทุนสร้างการเติบโต เนื่องจากธุรกิจร้านสะดวกซื้ออยู่ในภาวะซบเซาทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ดังนั้น กลุ่มบริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องลงทุนใหม่ ๆ เพื่อให้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อนั้นสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

ด้านคูซ-ตาร์ ยังแสดงความแน่วแน่ที่จะเข้าซื้อกิจการ โดยเริ่มขั้นตอนการจัดตั้งสำนักงานในญี่ปุ่น จึงต้องจับตาดูว่ากลุ่มบริษัท อาลิมองตาซิยง คูซ-ตาร์ นั้นจะขยายข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการอย่างเป็นทางการเมื่อใด และจะสามารถเดินหน้าต่อไปโดยได้รับความยินยอมจากฝ่ายบริหารของเซเว่น แอนด์ ไอหรือไม่

ทั้งนี้ การตัดสินใจให้ ดาคัส ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน อิซากะ ซึ่งเป็นประธานมาตั้งแต่ปี 2016 จะเป็นสัญญาณว่า เซเว่น แอนด์ ไอ กำลังใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อป้องกันการเข้าซื้อกิจการ แต่หากแผนการนี้ยังไม่สามารถดันมูลค่าหุ้นให้สูงกว่าเกณฑ์ 2,700 เยนได้ จะเป็นเรื่องจากที่คณะกรรมการพิเศษของเซเว่น แอนด์ ไอ จะปฏิเสธข้อเสนอเข้าซื้อกิจการของคูซ-ตาร์

ทั้งนี้ เซเว่น แอนด์ ไอ มองว่าการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญในเดือนพฤษภาคม 2025 เป็นเหมือนเดดไลน์ในการตัดสินใจ และในขณะนี้เวลาสำหรับเซเว่น แอนด์ ไอ ที่จะยุติการเข้าซื้อกิจการที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานใกล้หมดลงแล้ว จึงต้องจับตาดูผลลัพธ์ของแผนเพิ่มมูลค่าหุ้นอย่างใกล้ชิด