REMY บุกตลาด Exotic เปิดตัวขนมสุขภาพสัตว์ฟันแทะ 3 สูตร

REMY

เรมี่ (REMY) แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง เดินหน้าบุกตลาด Exotic จับมือ “หมออ้อย” ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ เปิดตัวขนมสุขภาพสัตว์ฟันแทะ 3 สูตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ Healthy Berry Plus Vit C ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมคาดจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง Exotic ของไทยได้ในอนาคต

นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ “REMY” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ในปี 2568 ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงจะอยู่ที่ประมาณ 3.98 แสนตัน ขยายตัว 6% จากปีก่อน ตามจำนวนสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแมวที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งเรมี่ (REMY) หนึ่งในแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง ในปี 2568 ที่ผ่านมาก็สามารถสร้างการเติบโตได้ตรงตามเป้า โดยมียอดขายเติบโตถึง 100% เมื่อเทียบกับปีแรกที่เข้ามาทำตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคุณประโยชน์ แทนการแข่งขันด้านราคา

Remy
นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ “REMY”

Exotic Pet บูมแรง

ล่าสุด บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในตลาด “Exotic Pet” ที่กำลังมาแรง จึงได้ร่วมมือกับนายสัตวแพทย์เชาว์พันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ จากโรงพยาบาลสัตว์ Animal Space Hospital พัฒนาอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้โดยเฉพาะ โดยเบื้องต้นจะเน้นไปที่กลุ่มสัตว์ฟันแทะ เช่น หนูแกสบี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูงแต่ผลิตภัณฑ์ในตลาดยังมีจำกัดและราคาสูง

“กลุ่มสัตว์เลี้ยง Exotic มีดีมานด์สูงมาก แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและราคาจับต้องได้ในไทยยังหายาก ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าที่มีราคาสูง เราจึงเล็งเห็นช่องว่างและต้องการเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการและพฤติกรรมของสัตว์กลุ่มนี้อย่างแท้จริง”

โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ “REMY” สำหรับสัตว์ Exotic คือ การใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารคน (Human Grade) ไม่เติมเกลือ น้ำตาล หรือวัตถุกันเสีย และเสริมคุณค่าทางโภชนาการอย่างน้อย 2 ชนิดในทุกสูตร โดยผลิตภัณฑ์แรกที่จะเปิดตัวคือขนมในรูปแบบ Puree Jelly สำหรับสัตว์ฟันแทะ 3 รสชาติ ได้แก่ สูตรสตรอว์เบอรี่ผสมโหระพาและวิตามินซี สูตรแบล็กเคอแรนต์ผสมเมล็ดแฟลกซ์และวิตามินซี

ADVERTISMENT

และสูตรแครนเบอรี่ผสมพาร์สลีย์และวิตามินซี ซึ่งจะวางจำหน่ายในราคา 55 บาทต่อซอง (3 ชิ้น) ซึ่งจะถูกกว่าสินค้านำเข้าถึง 50% เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบด้านการเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เพื่อการส่งออกอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย

REMY

ADVERTISMENT

ทุ่มฯ 20 ล้าน-มุ่งสร้างการรับรู้

สำหรับแผนการตลาดในปี 2568 บริษัทได้วางงบประมาณไว้ราว 20 ล้านบาท โดยจะเน้นการสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการสร้างคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ Exotic ผ่านทีมสัตวแพทย์ การรีวิวจากผู้เลี้ยงสัตว์แปลก และกิจกรรมโรดโชว์ไปยังร้านเพตช็อปต่าง ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “REMY’s FRIENDs” และพรีเซ็นเตอร์อย่างเป็นทางการในงาน Pet Expo Thailand 2025 ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยเช่นกัน

ส่วนในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจุบันเรมี่ (REMY) มีวางจำหน่ายในโรงพยาบาลสัตว์และคลินิกกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงร้านเพตช็อปชั้นนำอีกกว่า 300 ร้านค้า และมีแผนที่จะขยายไปยังช่องทาง Modern Pet Shop และช่องทางออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียซึ่งมีแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์ Exotic เติบโตสูง เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ UAE และมาเลเซีย

REMY

ก้าวสู่ผู้นำตลาดอาหาร Exotic

ด้านนายสัตวแพทย์เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ จากโรงพยาบาลสัตว์ Animal Space Hospital กล่าวเสริมว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ Exotic กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งปัจจัยหลักมาจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กที่สามารถเลี้ยงในคอนโดมิเนียมได้ง่าย และต้องการสัตว์เลี้ยงที่แปลกใหม่และสะท้อนความเป็นตัวตน ซึ่งสัตว์ Exotic เช่น กระต่าย แกสบี้ ชินชิลลา เต่า งู และนก กำลังได้รับการยอมรับและเลี้ยงกันมากขึ้น

“สัตว์ Exotic ต้องการการดูแลและความเข้าใจในการเลี้ยงที่แตกต่างจากสุนัขและแมว การมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและราคาเข้าถึงได้ง่ายจากแบรนด์ REMY จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้เลี้ยงกลุ่มนี้ ซึ่งมีความต้องการและกำลังซื้อสูง”

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของเรมี่ (REMY) ในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง Exotic ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นแบรนด์ไทยรายแรกที่ให้ความสำคัญกับตลาดเฉพาะกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพ ราคา และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง Exotic ของไทยได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันเรมี่ (REMY) มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์เป็นอาหารสุนัข 35%, อาหารแมว 55% และอาหารสัตว์ Exotic 15-20% โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รวม 30 รายการ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับแมวและสุนัขอย่างละ 10 รายการ และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ Exotic อีก 10 รายการ

 

REMY