‘โมชิ โมชิ’ เท 280 ล้าน ปูพรม 40 สาขา ชิงแชร์สินค้าไลฟ์สไตล์ 9 พันล้านแข่งเดือด

moshi ‘โมชิ โมชิ’ เท 280 ล้าน ปูพรม 40 สาขา ชิงแชร์สินค้าไลฟ์สไตล์ 9 พันล้านแข่งเดือด

“โมชิ โมชิ” รุกหนักปี 2568 รับมือคู่แข่งจีน-ยุโรป หลังตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์มูลค่า 7-9 พันล้านบาทโตต่อเนื่อง 15-20% ต่อปี เผยธุรกิจแข่งเดือด ลุยปูพรม 40 สาขาใหม่ พร้อมเดินสายรีโนเวตอีก 50 สาขา อัดสินค้าใหม่ 1,000 รายการต่อเดือน หวังเพิ่มความหลากหลาย พร้อมทุ่มงบฯ 45 ล้านบาท ขยายคลังสินค้าเพิ่ม 3,000 ตร.ม. ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 15-20%

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ผู้บริหารธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ “โมชิ โมชิ” เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2568-2569 คาดการณ์ว่าตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 7,000-9,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี

ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 3,111 ล้านบาท เติบโต 23% และยังคงรักษาโพซิชั่นผู้นำในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 40%

ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนมาจากที่บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการขยาย และปรับปรุงสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการขยายสาขาไปกว่า 34 สาขา และปรังปรุงสาขาเดิมอีก 70 สาขา จึงส่งผลให้ยอดขายทั้งจากสาขาใหม่ และสาขาเดิมมีการเติบโตอย่างโดดเด่น

ประกอบกับปัจจัยบวกของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างโครงการ Easy E-Receipt ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ถึงแม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ยังคงช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

ส่งสินค้าใหม่ 1,000 รายการ

นายสง่ากล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทยังคงโฟกัสกลยุทธ์พัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการขยายสาขา และรีโนเวตสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของการออกสินค้าใหม่ หลัก ๆ จะเน้นโฟกัสไปในกลุ่มสินค้าลิขสิทธิ์ ที่จะมีทั้งสินค้าลิขสิทธิ์เดิมที่ได้รับความนิยมนำกลับมาจำหน่ายใหม่ ควบคู่กับสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่ ๆ ที่ทางบริษัทยังไม่เคยทำ

ADVERTISMENT

รวมถึงกลุ่มสินค้าทั่วไป อาทิ ของใช้ในบ้าน หมวก กระเป๋า เสื้อ กล่องข้าว เป็นต้น โดยเบื้องต้นวางแผนออกสินค้าใหม่ประมาณ 1,000 รายการต่อเดือน จากปัจจุบันมีจำนวนสินค้าอยู่ทั้งหมด 20,000 รายการ แบ่งเป็น สินค้ากลุ่มลิขสิทธิ์ 15% และสินค้าทั่วไป 85%

“ในช่วงต้นปี 2568 ก็ได้มีการนำแคแร็กเตอร์ที่กำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ อย่าง หมูเด้ง มาพัฒนาสู่คอลเล็กชั่นพิเศษ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า รวมถึงยังมีการออกสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อาทิ ตรุษจีน วาเลนไทน์ ฯลฯ ซึ่งก็ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

ADVERTISMENT

ซุ่มทดลองสาขาบิ๊กไซซ์

ส่วนแผนการขยายสาขา เบื้องต้นตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 40 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด ซึ่งจะเน้นการขยายสาขาในรูปแบบที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ และไฮเปอร์มาร์เก็ต

รวมถึงสาขาสแตนด์อะโลน 2 รูปแบบ คือ สาขาใกล้มหาวิทยาลัย ขนาดพื้นที่ 80-120 ตร.ม. เพื่อเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาและชุมชนโดยรอบ และ Pilot Project สาขาขนาดใหญ่พื้นที่ 300 ตร.ม.ขึ้นไปในเขตชุมชน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและสร้างศูนย์กลางจับจ่ายในพื้นที่

“ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ได้มีการทดลองเปิดสาขาสแตนด์อะโลนที่เป็นสาขาขนาดใหญ่ หรือประมาณ 390 ตร.ม. ที่ตลาดโอชอ วัดเทียนดัด จ.นครปฐม ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ได้รับผลการตอบรับที่ดี”

ขณะที่การรีโนเวตสาขา ตั้งเป้าปรับปรุงเพิ่มอีก 50 สาขา ในคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมี 4 สาขา ที่จะมีการขยายพื้นที่ภายในร้านเพิ่มเป็น 300 ตร.ม. จากเดิมอยู่ที่ 150 ตร.ม. เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่มากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายจากสาขาเดิมจะเติบโตเพิ่มขึ้น 3-5% หลังจากรีโนเวต

“ตอนนี้เรากำลังเริ่มรีโนเวตอยู่ 1 สาขา ที่อิมพีเรียล สำโรง และสาขาอื่น ๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา โดยคาดว่าจะใช้งบฯลงทุนทั้งในส่วนของการขยายสาขา และรีโนเวตราว ๆ 140-150 ล้านบาท”

ทั้งนี้ ปัจจุบันโมชิ โมชิ มีสาขาอยู่ทั้งหมด 164 สาขา แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 35% และต่างจังหวัด 65%

ขยายฐานสมาชิก 2 แสนราย

นายสง่ากล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มอีก 3,000 ตร.ม. จากเดิมมีพื้นที่ใช้สอย อยู่ที่ 23,000 ตร.ม. โดยใช้งบประมาณราว 45 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน โดยรวมทั้งปีจะใช้งบฯลงทุนทั้งสิ้น 280 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสร้างการเติบโตในช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ ด้วยการนำสินค้าที่มีวางจำหน่ายอยู่ในร้านเข้าไปวางจำหน่ายผ่านช่องทาง Shopee Lazada และ TikTok มากยิ่งขึ้น

รวมถึงจะมีการจัดทำโปรโมชั่นทั้งหน้าร้าน และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มักจะมองหาความคุ้มค่าเป็นอันดับต้น ๆ โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้งบฯทำการตลาดอยู่ที่ราว ๆ 1% ของยอดขายทั้งหมด

“ในปีนี้เราตั้งเป้าที่จะรีครูตฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก 200,000 ราย จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 600,000 ราย โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และกลุ่ม First Jobber”

คู่แข่งจีน-ยุโรปบุก

สำหรับความท้าทายในการดำเนินงานในปี 2568 ยังเป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะการเข้ามาของเชนร้านค้าไลฟ์สไตล์จากฝั่งจีน และยุโรป ที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของร้านค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย

ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา โดยในปีนี้บริษัทจะมุ่งใช้ความเชี่ยวชาญ และฐานข้อมูลในระบบหลังบ้าน มาพัฒนาเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างตรงจุด ในราคาที่คุ้มค่า โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ 5 บาท ไปจนถึง 1,190 บาท ซึ่งปัจจุบันโมชิ โมชิ มีสินค้าอยู่ทั้งหมด 13 หมวดหมู่

“ซึ่งในอนาคตเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ยังคงดุเดือด เราก็มีแผนที่จะแตกไลน์ไปยังหมวดอื่น ๆ ที่เรายังไม่เคยทำ ซึ่งเบื้องต้นอาจจะมีสินค้าโมชิ โมชิ ออกไปวางจำหน่ายนอกร้าน เป็นต้น รวมถึงยังมีการศึกษาตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นในประเทศนั้น ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาอยู่ประมาณ 2 ราย โดยคาดว่าจะได้เห็นภายใน 3-5 ปีนี้”

นายสง่ากล่าวทิ้งท้ายว่า จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าสิ้นปี 2568 บริษัทจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ 15-20% พร้อมก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน