
ท่ามกลางแรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ชะลอตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างต้องเร่งปรับกลยุทธ์รอบด้าน ไม่ว่าจะทั้งด้านราคา การพัฒนาเมนู การเลือกทำเล และการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มเป้าหมายใหม่
โดยผู้เล่นในวงการร้านอาหารที่ในปี 2568 นี้ มีการปรับกลยุทธ์อย่างชัดเจน ก็คือ “iberry Group” นำโดย “ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์” ที่ต่อยอดแพสชั่นกับความเชี่ยวชาญ รวมถึงฐานลูกค้าเหนียวแน่น เพื่อชิงเม็ดเงินในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมแมส ด้วยการแตกแบรนด์ใหม่
เช่นเดียวกับ “รวยไม่หยุด” นำโดย “เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร และแนท–นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์” ซึ่งต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ในเครืออย่าง “เกศเตี๋ยว” มาใช้เป็นต้นแบบปรับกลยุทธ์ หันโฟกัสตลาดแมส ด้วยการแตกแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในยุคใหม่ ที่มองหาความคุ้มค่า และประสบการณ์ใหม่ ๆ
ส่งซูชิหรูราคาจับต้องได้ชิง CBD
โดยแผนรุกชิงเม็ดเงินในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมแมสของ “iberry Group” ในปี 2568 นี้ ประเดิมด้วยการส่งแบรนด์ใหม่ “Maison RORU” ร้านซูชิแบบ Hand Roll ที่มาพร้อมจุดเด่นเป็นประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม แต่ราคาจับต้องได้ ปักธงชิงผู้บริโภคย่าน CBD ของกรุงเทพฯ ที่ Velaa Sathorn Village อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา และเตรียมปักหมุดสาขาสองที่ ICONSIAM เร็ว ๆ นี้ รวมถึงเตรียมเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 1-2 แบรนด์ภายในปีนี้ด้วย
“ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์” แม่ทัพหญิงแห่ง iberry Group เจ้าของร้านอาหารแบรนด์ดัง อาทิ iberry, กับข้าวกับปลา, รส’นิยม, ทองสมิทธ์ และเจริญแกง ฯลฯ กล่าวว่า การเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง Maison RORU ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ iberryGroup ในการต่อยอดพอร์ตธุรกิจอาหารให้ครอบคลุมและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
“เนื่องจากต้องยอมรับว่าธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง สะท้อนจากจำนวนผู้เล่นในตลาดที่มีเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็มีพฤติกรรมในการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการที่มีแบรนด์ที่สามารถมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราขยายฐานลูกค้า และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ได้มากขึ้น”
สู้ด้วย Emotional Marketing
“ปลา-อัจฉรา” กล่าวต่อว่า ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดตัว “Maison RORU” แล้ว ในปี 2568 ยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1-2 แบรนด์ ซึ่งเบื้องต้นจะยังคงอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยมแมส เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เรามีความเชี่ยวชาญและมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว
ขณะที่ในส่วนกลยุทธ์การตลาด จะเน้นทำการตลาดที่ใช้อารมณ์ของลูกค้าเป็นตัวนำ เพราะลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมแมสมักใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อ รวมถึงจะเน้นใช้กลยุทธ์เลือกทำเลที่ไม่ทับซ้อนกับแบรนด์เดิมที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการแย่งฐานลูกค้ากันเอง
เนื่องจากบางแบรนด์อาจจะเป็นการต่อยอดจากแบรนด์เดิม แต่ปรับภาพลักษณ์ให้แตกต่าง เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะมุ่งโปรโมตแบรนด์ไปทีละแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าไม่สับสน และสามารถจดจำแบรนด์ได้
“โดยเชื่อมั่นว่าหากแบรนด์ของเราสามารถเป็น Top of Mind ของผู้บริโภค เราก็จะยังสามารถบริหารยอดขายให้อยู่ในระดับที่เราตั้งเป้าไว้ได้ แม้ว่าจะไม่เติบโตหวือหวาเหมือนช่วงเศรษฐกิจดี หรือมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ตาม”
เชื่อมั่นโอกาสตลาดแมส
ขณะที่ “รวยไม่หยุด” ก็ไม่หยุดสร้างโอกาส ด้วยการขยายพอร์ตธุรกิจไปสู่ “ตลาดแมส” มากยิ่งขึ้น หวังสร้างการเติบโตท่ามกลางสมรภูมิร้านอาหารที่แข่งขันรุนแรง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ด้วยการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ “เกศเตี๋ยว” ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่มีจุดเด่นเป็นราคาจับต้องได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 9 บาท ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกไปเมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่สยามสแควร์ และสามารถคืนทุนได้ภายในเวลาเพียง 2 เดือน รวมถึงสร้างยอดขายสูงถึง 30 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 4 เดือน สะท้อนศักยภาพของตลาดแมส
“เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” ประธานบริหาร บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารปิ้งย่างเกาหลีชื่อดัง nice two Meat u และร้านอาหาร-เครื่องดื่ม อาทิ HAPPY PIG, หมูกระทะคนรวย, Fire Tiger ฯลฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบรนด์ในเครือส่วนใหญ่ของเราเน้นจับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบนที่มีกำลังซื้อ แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงผันผวน ประกอบกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะทั้งกลุ่มล่าง กลาง บน ที่ต่างก็เริ่มมองหาความคุ้มค่า และเริ่มรัดเข็มขัดมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันความสำเร็จของแบรนด์ “เกศเตี๋ยว” ซึ่งไม่เพียงคืนทุนได้ในเวลาเพียง 2 เดือน แต่ยังสร้างยอดขายสูงถึง 30 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 4 เดือน ทำให้เห็นศักยภาพของตลาดแมส ทั้งด้านดีมานด์และกำลังซื้อ
ทำให้เราต้องเร่งปรับกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยในปี 2568 วางแผนเดินหน้าแตกแบรนด์ในกลุ่มแมสต่อเนื่อง เริ่มจากเตรียมเปิด “เกศเตี๋ยว” เพิ่มเป็นสาขาที่ 2 ปักหมุดที่ไอคอนสยาม ก่อนจะทยอยเปิดตัวแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มใหม่อีก 8 แบรนด์ในช่วงไตรมาส 3 โดยจะมีทั้งแบรนด์ที่พัฒนาเอง และแบรนด์แฟรนไชส์จากเกาหลี อาทิ Daelim Korean Noodle, Chago, Sushi & Izakaya และ Standard Bun โดยเน้นปักหมุดในย่านสยามสแควร์ ที่ถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของบริษัท
ส่งออก “เกศเตี๋ยว” บุกตลาดโลก
“แนท–นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์” กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเตรียมต่อยอดพัฒนาอาหารสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “เกศเตี๋ยว” สำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับโรงงานผลิต คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในสิ้นปี 2568
ขณะเดียวกันยังมีแผนเสริมทัพแบรนด์พรีเมี่ยม โดยเตรียมเปิดร้านปิ้งย่างเกาหลีที่ยกระดับจากแบรนด์ “nice two Meat u” เพิ่ม 2 แบรนด์ ได้แก่ “Cheong Dam” ที่สยามพารากอน และ “Hannam” ที่เซ็นทรัล ดุสิต รวมถึงมีแผนเตรียมรีแบรนด์ “Fire Tiger” สาขาสยามสแควร์ให้กลายเป็น Multibrand Concept Store ที่รวมแบรนด์อาหาร เครื่องดื่ม และของหวานไว้ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะใช้งบฯลงทุนรวมราว 200 ล้านบาท
“ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการลงทุนและการทดลองโมเดลใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายและความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตธุรกิจ โดยเราเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้จะสามารถผลักดันรายได้ของกลุ่มให้เติบโตได้ราว 20% แม้จะเป็นปีที่ท้าทายก็ตาม”
จากกลยุทธ์การแตกแบรนด์ใหม่และการปรับตัวอย่างรวดเร็วของทั้ง iberry Group และรวยไม่หยุด สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการไทย ในการเผชิญหน้ากับความท้าทายของตลาดร้านอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการสร้างสรรค์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพ