
คอลัมน์ : Market Move
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนจากสงครามการค้า “นิคอน” (Nikon) หนึ่งในยักษ์วงการถ่ายภาพ ยังคงเชื่อมั่นในธุรกิจหลัก อย่างกล้อง เลนส์และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ด้วยการประกาศเป้าหมายปีงบฯ 2025 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2026 ด้วยยอดขายกล้อง และเลนส์เพิ่มขึ้นระดับแสนตัว สวนทางกับสภาพตลาดกล้องและเลนส์ที่มีแนวโน้มทรงตัว
พร้อมกับโฟกัสการรุกไปสู่วงการกล้องถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ ด้วยโนว์ฮาวและเทคโนโลยีจากแบรนด์ RED ผู้ผลิตกล้องถ่ายวิดีโอรายใหญ่ที่บริษัทซื้อกิจการเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะ 5 ปี สู่ปี 2030
โดย “ทาเคชิ มัตสึโมโต้” รองประธานบริษัท, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน, ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและการบัญชี บริษัท นิคอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในงบฯ 2025 ซึ่งจะสิ้นสุดมีนาคม 2026 นั้น ตลาดกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้จะมีดีมานด์กล้องประมาณ 6.7 ล้านยูนิต ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ตลาดมีจำนวนกล้อง 6.72 ล้านยูนิต โดยเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพในการเติบโตจะเป็นเซ็กเมนต์ระดับกลาง-ไฮเอนด์ ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ไปจนถึงช่างภาพมืออาชีพ ส่วนตลาดเลนส์คาดว่าจะมีดีมานด์อยู่ที่ 10 ล้านตัว ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ตลาดเลนส์มีขนาด 10.42 ล้านยูนิต
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงจะโฟกัสการทำตลาดและผลิตสินค้าตอบโจทย์เซ็กเมนต์ระดับกลาง-ไฮเอนด์ เพื่อผลักดันยอดขายกล้อง อาทิ กล้องรุ่น Z5 II ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน และรุ่น Z50 II ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งต่างมีจุดเด่นเป็นเทคโนโลยีที่มาจากกล้องระดับท็อป อย่างรุ่น Z9
อย่างไรก็ตาม การโฟกัสกับกล้อง Z5 II และ Z50 II ที่มีอัตรากำไรไม่สูงนัก จะทำให้รายได้ด้านเม็ดเงินทรงตัว โดยในปีงบฯ ที่จะสิ้นสุดมีนาคม 2026 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายกล้องไว้ที่ 950,000 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นจากปีงบฯ ก่อนอีก 100,000 ยูนิต ส่วนเลนส์นั้นตั้งเป้ายอดขายที่ 1,400,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 90,000 ยูนิต
ขณะที่รายได้ของธุรกิจอุปกรณ์ถ่ายภาพจะทรงตัวที่ 295,000 ล้านเยน ใกล้เคียงกับปีก่อน ด้านผลกำไรจะลดลง 1,300 ล้านเยน เป็น 40,000 ล้านเยน ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของเงินเยน นอกจากนี้ตามเอกสารพรีเซนเตชั่นของบริษัท ในปีงบฯ 2025 นิคอนเตรียมขยายไลน์อัพเลนส์อนุกรม Z สำหรับกล้องมิเรอร์เลส จากปัจจุบันที่มี 44 รุ่น ให้เป็นมากกว่า 50 รุ่นอีกด้วย
ในส่วนของแผนระยะ 5 ปีนั้น นิคอนจะโฟกัสกับการต่อยอดความร่วมมือกับ RED ในไลน์กล้องวิดีโอ Z CINEMA เพื่อรุกตลาดกล้องวิดีโอระดับมืออาชีพ ที่คาดว่าจะมีขนาด 800,000 ยูนิต ในปีงบฯ 2030 ด้วยการปูพรมจับผู้บริโภคตั้งแต่ระดับท็อป อย่างผู้ผลิตภาพยนตร์ ระดับกลางที่เป็นโปรดักชั่นเฮาส์ถ่ายทำโฆษณา รายการทีวี ฯลฯ ไปจนถึงกลุ่มครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์วิดีโอเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต
ส่วนกล้องดิจิทัลแบบเปลี่ยนเลนส์ได้นั้น จะต่อยอดกลยุทธ์การนำฟังก์ชั่นจากกล้องรุ่นท็อป อย่าง Z9 มาใส่ในกล้องรุ่นระดับบนและระดับกลาง หลังประสบความสำเร็จกับการใช้กลยุทธ์นี้ ในกล้องรุ่น Z6 III, Z5 II และ Z50 II ที่ออกมาก่อนแล้ว
ทั้งนี้ “โทชิคาซุ อุมะทาเทะ” ตัวแทนผู้อำนวยการ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อธิบายว่า ปีงบฯ 2025 นั้น จะเป็นปีที่บริษัทใช้สร้างรากฐานสำหรับต่อยอดไปสู่เป้าหมายปี 2030 ด้วยการโฟกัสกับการฟื้นศักยภาพทางธุรกิจในระยะสั้น พร้อมกับลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว
ส่วนตามแผนระยะ 5 ปี สู่ปี 2030 ที่จะโฟกัสกับ 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจกล้องถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ, เทคโนโลยีพิมพ์วงจรระบบดิจิทัล (Digital Lithography) และกระบวนการผลิตโลหะแบบ 3 มิติ (Metal Addictive Manufacturing)
ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของนิคอนยังคาดว่า ปี 2025 นี้ ธุรกิจกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพจะได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยนิคอนเคยประเมินว่าในกรณีที่สหรัฐคงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ 145% ในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ ก่อนจะลดลงเป็น 20% ในช่วงที่เหลือของปี ร่วมกับกำแพงภาษี 10% สำหรับสินค้าจากประเทศอื่น ๆ จะทำให้ทั้งปีงบฯ บริษัทจะได้รับผลกระทบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านเยน
ตามคาดการณ์นี้ ธุรกิจอุปกรณ์ถ่ายภาพ-วิดีโอ จะได้รับผลกระทบหนักสุด ด้วยสัดส่วนเกือบ 50% รองลงมาคือ ธุรกิจสุขภาพ ที่จะได้รับผลกระทบ 40%
ตามแนวทางนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นจังหวะสำหรับผู้ที่สนใจการถ่ายภาพและวิดีโอ ที่จะมีกล้องระดับกลาง-บน ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นจากกล้องระดับท็อปมาให้เลือกซื้อ เช่นเดียวกับเลนส์ที่จะมีให้เลือกใช้เพิ่มเติมอีก ซึ่งต้องรอดูกันว่า กล้องรุ่นใหม่จะมีฟังก์ชั่นใดเป็นไฮไลต์ และเลนส์ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะเป็นอย่างไร