
“เมนทาแกรม” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของไทย เดินหน้ารุกตลาดแอคทีฟไลฟ์สไตล์เต็มสูบ หลังคว้าสิทธิ์นำเข้าและทำตลาด “Stanley” แบรนด์แก้วเก็บอุณหภูมิชื่อดังจากสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หวังต่อยอดแบรนด์ไฮเดรชั่น (Hydration) ให้เป็นหนึ่งในไอเท็มจำเป็นของคนเมืองยุคใหม่ พร้อมเปิดตัว Pop-up Store แห่งแรกกลางเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้แนวคิด “Stanley Club Thailand” ผสานไลฟ์สไตล์เข้ากับแฟชั่น สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภค
ปูพรมเจาะทุกเซ็กเมนต์
นายณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมนทาแกรม จำกัด เปิดเผยว่า เมนทาแกรมได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย Stanley อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมองเห็นศักยภาพของแบรนด์ในตลาดไทยที่กำลังเติบโตตามเทรนด์แอคทีฟไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการดื่มน้ำมากขึ้น
โดย Stanley ถือเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งเดิมมีจุดยืนชัดเจนในกลุ่มเอาต์ดอร์ แต่ปัจจุบันทางแบรนด์มีการรีแบรนด์ให้เข้ากับวิถีชีวิตคนเมืองทั่วโลก จับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับแฟชั่น ฟังก์ชัน และสุขภาพ
“เราจึงไม่มองว่า Stanley เป็นแค่แบรนด์เอาต์ดอร์อีกต่อไป แต่คือแบรนด์ไฮเดรชั่นที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย”

ผุด Pop-up Store ปักหมุดเซ็นทรัลเวิลด์
ซึ่งล่าสุดหลังจากที่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย ก็ได้เปิดตัว Pop-up Store “Stanley Club Thailand” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นครั้งแรก โดยถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์และทดลองตลาด
“โดยเบื้องต้นเราได้รวบรวมสินค้าหลากหลายดีไซน์จากหลายคอลเลกชัน รวมถึงสินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในเมืองที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงกลุ่มครอบครัว”
นอกจากนี้ Stanley ยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งรูปแบบ Mono Brand Store และ Dealer โดยปัจจุบันมีดีลเลอร์ราว 20 ราย พร้อมตั้งเป้าเปิดสโตร์ใหม่อีก 2-3 แห่งภายในปีนี้ โดยจะเน้นศูนย์กลางการค้าในกรุงเทพฯ พร้อมเสริมด้วย Pop-up Store ในทำเลกลุ่มเป้าหมาย
ขณะเดียวก็พร้อมต่อยอดผ่านแบรนด์แฟล็กชิปของเมนทาแกรมอย่าง “M Lap” ที่ปัจจุบันมีถึง 12 สาขา และจะเพิ่มเป็น 15 สาขาภายในปีนี้
ราคาจับต้องได้-เจาะทุกเจน
นอกจากนี้ สำหรับแผนการทำตลาดของแบรนด์ Stanley เบื้องต้นได้วางโพซิชันแบรนด์ Stanley ให้เป็นกลุ่มสินค้าที่เข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาประมาณ 1,000 กว่าบาทต่อใบ โดยมีสินค้าหลากหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยมองว่าความทนทานของสินค้า รวมถึงดีไซน์ที่ตอบโจทย์แฟชั่น ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพื่อสินค้าที่มีแบรนด์ดิ้ง
“เนื่องจากทุกวันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนเข้ายิม วิ่ง ปั่นจักรยาน ดื่มน้ำตามคำแนะนำของแพทย์วันละ 2-3 ลิตร ทำให้สินค้ากลุ่มแก้วเก็บอุณหภูมิกลายเป็นไอเท็มจำเป็นที่ไม่ใช่แค่ใช้จริง แต่ยังเป็นแฟชั่นไอเท็มที่พกพาไปได้ทุกที่ เหมาะกับการเป็นของขวัญที่มีประโยชน์ด้วย”
เล็งพรีเซ็นเตอร์-ขยายตลาดผ่านคอลลาบอเรชัน
รวมถึงบริษัทก็มีแผนที่จะแต่งตั้งพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ Stanley เพื่อเสริมภาพลักษณ์ ซึ่งตอนตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหาพรีเซ็นเตอร์ โดยจะเน้นไปที่กลุ่มเซเลบริตี้ที่มีอิทธิพลกับคนรุ่นใหม่
ขณะเดียวกันยังเตรียมแผนคอลลาบอเรชันกับแบรนด์แฟชั่น และกิจกรรมกีฬา เพื่อสร้างการรับรู้แบบ Organic และสร้าง Engagement กับผู้บริโภคให้ลึกยิ่งขึ้น
เทรนด์นี้ไม่จบง่าย
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทรนด์แอคทีฟไลฟ์สไตล์ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และยังไม่มีวี่แววจะสิ้นสุดในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันเมนทาแกรมถือครองแบรนด์สินค้ากว่า 20 แบรนด์ในพอร์ต ทั้งกลุ่มรองเท้า กล้องแอคชั่น บอร์ดกีฬา ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และอุปกรณ์ออกกำลังกาย พร้อมเดินหน้าขยายแบรนด์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ต่อไป