ตลาดอีเวนต์ 1.4 หมื่นล้าน ไม่โต “ไร้ท์แมน” ปิดจุดอ่อนธุรกิจ ชูกลยุทธ์เร่งโต ด้วยการผนึกพันธมิตรรายใหม่ ล่าสุดควงท็อปปัน จากญี่ปุ่น ยื่นประมูลโครงการศูนย์การเรียนรู้แห่งอนาคตมูลค่าเฉียด 2 พันล้าน คาดได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ตามด้วยการจับมือซีพีเอ็น เปิดตัวธีมปาร์ก “ไตรภูมิ” ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ดีเดย์เดือนกันยายนนี้ พร้อมแตกหน่วยธุรกิจย่อย หวังบาลานซ์รายได้จากธุรกิจอีเวนต์
นายอุปถัมภ์ นิสิตสุขเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบริหาร ออกแบบพิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ และครีเอทีฟอีเวนต์แบบครบวงจร กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่เติบโต เนื่องจากอีเวนต์เป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งการเกิดโรคระบาด สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ก็กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดอีเวนต์ไม่เติบโต หรือมีมูลค่าทรงตัวอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ติดต่อกันมาหลายปี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
“แม้ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์จะไม่เติบโต แต่ก็ยังมีโอกาสที่ดี เพราะอีเวนต์ คือ คอนเทนต์ ซึ่งถือเป็นต้นทางในการต่อยอดสู่ธุรกิจอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ว่าอีเวนต์รูปแบบเดิม ๆ จะถูกลดบทบาทและลดขนาดลง ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจอีเวนต์ก็ต้องปรับตัวต่อเนื่อง โดยต้องชูเรื่องของความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง”
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทพยายามบาลานซ์ความเสี่ยงทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย ลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจอีเวนต์ พร้อม ๆ กับตอกย้ำจุดแข็งของไร้ท์แมน นั่นคือการเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ด้วยการแตก 3 หน่วยธุรกิจย่อยออกมา ประกอบด้วย IDS ทำงานเฉพาะทาง คิดงานทางด้านออกแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ (interactive) ที่ใช้ในงานอีเวนต์ และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ รองรับกลุ่มลูกค้า (สินค้า) โดยตรง เช่น การออกแบบเอไอเอสแฟลกชิปสโตร์ที่เวสต์เกต บางใหญ่ เป็นต้น
ตามด้วย COPPER BLUE รับจ้างบริหารศูนย์การเรียนรู้ และสวนสนุก (theme park) ปัจจุบันบริหารศูนย์การเรียนรู้ 3 แห่ง เช่น นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์บางลำพู เป็นต้น สุดท้ายคือ B-CON หน่วยธุรกิจที่พัฒนางานด้านผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมคอมโพสิตเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
“หลังจากเพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่ ทำให้ทิศทางธุรกิจของไร้ท์แมนชัดเจนขึ้น โดยหน่วยธุรกิจใหม่นี้จะให้บริการงานที่หลากหลายขึ้นและสร้างโอกาสใหม่ ๆให้ธุรกิจ ขณะที่ตัวบริษัทไร้ท์แมนเอง จะเน้นการทำงานในโปรเจ็กต์พิเศษและสร้างอีเวนต์ของตัวเองมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าแนวทางนี้จะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจในระยะยาว”
ขณะที่ทิศทางธุรกิจจากนี้ไป นายอุปถัมภ์ย้ำว่า จะสร้างงานอีเวนต์ของตัวเองเพิ่มขึ้น (own event) เช่น ไดโนซอร์ แพลนเน็ต ที่เตรียมจะขยายตลาดไปประเทศไต้หวันเร็ว ๆ นี้ เป็นต้น และจะทำงานร่วมกับพันธมิตรในลักษณะโคครีเอชั่น (cocreation) กับบริษัทใหญ่ ๆ มากขึ้น โดยปีนี้มี 2 โปรเจ็กต์ใหญ่ ได้แก่ การร่วมทุนกับซีพีเอ็น พัฒนาโครงการธีมปาร์กภายใต้ชื่อ “ไตรภูมิ” บริเวณด้านหน้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ด้วยงบฯลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งภายในธีมปาร์กนี้จะแบ่งออกเป็น 8 โซน เช่น โซนป่าเวทมนต์ โซนโลกบาดาล โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่าง โรงภาพยนตร์ 4 มิติ เป็นต้น
“การสร้างธีมปาร์กดังกล่าวเป็นการนำประสบการณ์จากการทำไดโนซอร์แพลนเน็ตเมื่อปี 2559 เข้ามาปรับใช้ โดยนำเสนอในลักษณะของอินเตอร์แอ็กทีฟซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทมีความถนัด เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติวางราคาบัตรไว้ที่ 1,500 บาทต่อคน ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้บริการเดือนกันยายนปีนี้ โดยจะรองรับผู้ชมได้ประมาณ 10,000 คนต่อวัน”
ส่วนโปรเจ็กต์ที่ 2 คือ การร่วมทุนกับบริษัท NL DEVELOPMENT และบริษัท TOPPAN จากญี่ปุ่น เพื่อยื่นเสนองานศูนย์การเรียนรู้แห่งอนาคตของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ด้วยมูลค่างานเกือบ 2,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “FUTURIUM” โดยศูนย์การเรียนรู้นี้จะจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอนาคตของประเทศไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
“การทำงานของไร้ท์แมนจากนี้จะเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทอื่นเพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้ก็ร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง เวิร์คพอยท์ฯ จัดแสดงอาคารศาลาไทย ที่งานเวิลด์เอ็กซ์โป 2015 ส่วนปีนี้ได้ร่วมกับซีพีเอ็นทำธีมปาร์ก และเริ่มทำงานกับบริษัทต่างชาติมากขึ้น ล่าสุดก็ร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นประมูลงานของภาครัฐ ซึ่งทิศทางที่บริษัทวางไว้เป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตที่หลากหลาย อีกทั้งทำให้บริษัทเติบโตได้เร็วขึ้น”
นายอุปถัมภ์กล่าวต่อว่า ด้วยแนวทางที่วางไว้ คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท โต 15-20% จากปีก่อน แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น ธุรกิจบริหารและออกแบบพิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ 600 ล้านบาท ธุรกิจสร้างสรรค์โปรเจ็กต์พิเศษ ธีมปาร์ก ไตรภูมิ 300 ล้านบาท ธุรกิจสเปเชียลอีเวนต์ 200 ล้านบาท ธุรกิจผลิตสื่ออินเตอร์แอ็กทีฟ และเอาต์ดอร์มีเดีย (outdoor media) 100 ล้านบาท