ชิปป๊อปผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ชี้ตลาดอีคอมเมิร์ซโตส่งผลให้อัตราเฉลี่ยการส่งพัสดุต่อวันสูงถึง 2 ล้านชิ้น พร้อมขยายธุรกิจบุกตลาดอาเซียนเพื่อรองรับตลาดอีคอมเมิร์ซที่โตต่อเนื่อง
นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีแนวโน้มโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มทางออนไลน์-ออฟไลน์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราเฉลี่ยการส่งพัสดุต่อวันสูงถึง 2 ล้านชิ้น คาดว่าตลาดขนส่งในปีนี้จะโตเพิ่มขึ้นกว่า 40%
ในขณะที่ “ชิปป๊อป” สตาร์ตอัพไทยที่ให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจรบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้รับการสนับสนุนหลักจากบริษัทอีฟรา สตรักเจอร์ จำกัด ประเทศไทย และอีโลจิส จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นจากการรวบรวมบริษัทขนส่งมาไว้ในระบบเดียว อาทิ ไปรษณีย์ไทย,เอสซีจี ยามาโตะ, เอ็กซ์เพรส, นินจาแวน, ลาลามูฟ, สกู๊ตตาร์, อัลฟ่า ฟาสส์,เคอรี่ เอ็กซ์เพรส, ซีเจ เอ็กซ์เพรส, เซ็นด์อิท และนิโกส์ โลจิสติคส์ ชิปป๊อป ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถทำรายการบนเว็บไซต์ของชิปป๊อป และสามารถเปรียบเทียบราคา จองการขนส่ง ออกหมายเลขพัสดุทุกระบบขนส่ง และพิมพ์ใบปะหน้ากล่องพัสดุได้ทันที ทำให้ลูกค้าที่เลือกใช้บริการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายรวมทั้งบริการทางด้านดรอปออฟ (drop off) ที่ไปรษณีย์กว่า 408 สาขาทั่วประเทศ หรือสามารถเรียกรถขนส่งมารับพัสดุได้ถึงบ้าน และสามารถติดตามสถานะการส่งผ่านเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านบาท มีอัตราเฉลี่ยการส่งพัสดุต่อวันมากกว่า 2 ล้านชิ้น และเป็นปัจจัยผลักดันให้อีคอมเมิร์ซเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ชิปป๊อปมียอดการจัดส่งสินค้าถึง 2 ล้านชิ้น คิดเป็น 3.1% ของมูลค่าทางระบบการขนส่งทั้งหมด เติบโตกว่า 600% สร้างรายได้กว่า 70 ล้านบาท
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้มุ่งขยายธุรกิจไปในประเทศกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดในการเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ดีที่สุดในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน และเตรียมทดลองระบบเก็บเงินปลายทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภค โดยตั้งเป้าจำนวนออร์เดอร์ในปีนี้ 2 แสนชิ้นต่อเดือน