“เอ็มวิชั่น”เข้าตลาดขยายธุรกิจรับอีเวนต์โต

ขยายธุรกิจ - ตลาดอีเวนต์มีการเติบโตที่ดี "เอ็มวิชั่น" เข้าระดมทุนในตลาดเพื่อขยายธุรกิจ 3 กลุ่มที่เป็นหัวใจหลัก

ตลาดอีเวนต์ 1.2 หมื่นล้านยังสดใส “เอ็ม วิชั่น” นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มความแข็งแกร่ง ขยายรูปแบบการจัดงานให้หลากหลายทั้งงานไอที สุขภาพความงาม ท่องเที่ยว พร้อมเร่งพัฒนาระบบธุรกิจพาณิชยอิเล็กทรอนิกส์หวังสร้างรายได้โตต่อเนื่อง

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอ็มวีพี กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปีนี้จะเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 12,000 ล้านบาท เนื่องจากมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากสินค้าต่าง ๆ ที่เริ่มหันกลับมาใช้อีเวนต์เป็นเครื่องมือในการสื่อสารทางการตลาด และขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้น ล่าสุดบริษัทได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.90 บาท ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์สำหรับขยายธุรกิจการจัดงานพัฒนาระบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ก่อสร้างอาคารเก็บอุปกรณ์ และใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป

“เป้าหมายการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการเดินหน้าขยายธุรกิจให้เติบโต รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท ตลอดจนการสร้างรากฐานให้มั่นคง ซึ่งที่ผ่านมาภาพรวมของบริษัทก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และคาดว่าอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจการจัดงาน (event organizer) ประกอบด้วย การจัดงานแสดงสินค้า การจัดงานสัมมนาให้แก่บริษัทมือถือต่าง ๆ และการจัดงานกีฬาและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2.กลุ่มธุรกิจงานโฆษณาและเอเยนซี่ (media & agency) 3.กลุ่มธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยขายสินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่านเว็บไซต์ www.s-estore.com

นายโอภาสกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้ขยายรูปแบบการจัดอีเวนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอีเวนต์กีฬา งานท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น ตะนาวศรี เทรล-งานวิ่งแบบผจญภัยบนพื้นที่ธรรมชาติ งานแข่งวิ่งมาราธอน ไตรกีฬา เป็นต้น รวมถึงจะขยายการจัดงานประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น การจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่องาน “Bangkok EV Expo” เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ปีที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจการจัดงาน เช่น ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2018 คิดเป็น 53% ของรายได้ ตามด้วยธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 35% โฆษณาและเอเยนซี่ 12% ทั้งนี้ เชื่อว่าทั้ง 3 ธุรกิจจะผลักดันให้บริษัทเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมตั้งแต่คนทั่วไปและกลุ่มคนรักสุขภาพ”