ธุรกิจร้านยา 3 หมื่นล้านเดือด BDMS ทุ่มงบเร่งสาขา “เซฟดรัก” ทั่วปท.

คนสูงอายุ คนชั้นกลางพุ่ง ดันตลาดสุขภาพขึ้นแท่นเทรนด์ฮิต หลังพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ นิยมซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชภัณฑ์ทางการแพทย์เบื้องต้นมาใช้เอง ส่งตลาดร้านขายยา 3 หมื่นล้านแข่งเดือด “เอ็นเฮลท์” เครือ รพ.กรุงเทพเร่งขยาย “เซฟดรัก” ให้ครบ 200 สาขาในปี”62 พร้อมปักธงเปิดห้องแล็บทั่วประเทศ รับดีมานด์โต คาดสิ้นปีรายได้แตะ 4,200 ล้านบาท

นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล 7.1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือบีดีเอ็มเอส กล่าวว่า ตลาดสุขภาพเป็นเทรนด์ที่กำลังขยายตัวขึ้นต่อเนื่องในเอเชีย รวมถึงไทยด้วย เนื่องจากหลาย ๆ ประเทศในเอเชียกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับชนชั้นกลางในเอเชียขยายตัว เฉลี่ยปีละ 12.5% ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ซึ่งคนกลุ่มนี้ใส่ใจสุขภาพ นิยมซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เบื้องต้นมาใช้ เพื่อดูแลตัวเอง กลายเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ตลาดนี้โตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยโอกาสที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มบีดีเอ็มเอสเดินหน้าเพิ่มศักยภาพของธุรกิจกลุ่มน็อนฮอสพิทอล (nonhospital) ภายใต้ เอ็นเฮลท์ (N-Health) มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เซฟดรัก เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านขายยาและเวชภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “เซฟดรัก” และบริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านการสนับสนุนบริการทางการแพทย์ โดยทิศทางธุรกิจ 3 ปีจากนี้ไปมีแผนจะใช้งบฯลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การสร้างศูนย์บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ระยอง เชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มี 2 ศูนย์ คือ กรุงเทพฯและหาดใหญ่ สงขลา นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นต้น อีกส่วน คือ การลงทุนขยายร้านขายยาแบรนด์ “เซฟดรัก” เพิ่มอีก 50 สาขาในปี 2562 จากปัจจุบันที่มี 150 สาขา

นายณรงค์ฤทธิ์กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดร้านขายยาแข่งขันกันค่อนข้างสูง มีมูลค่ารวม 20,000-30,000 ล้านบาท โตปีละ 3-4% โดยเซฟดรักมีส่วนแบ่งเป็นเบอร์ 4 ของตลาด แต่บริษัทก็ยังเปิดสาขาต่อเนื่อง เพราะธุรกิจนี้แข่งกันที่กลยุทธ์ ซึ่งเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของร้านที่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ จะสามารถมัดใจคนรุ่นใหม่ได้

ขณะเดียวกันยังพัฒนาระบบเพื่อให้เป็นศูนย์รวมด้านสุขภาพผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น โดยเฟสแรกจะเริ่มใช้เดือนตุลาคมนี้ ซึ่งลูกค้าสามารถสะสมคะแนน ดูโปรโมชั่นลดราคาต่าง ๆ ได้ ขณะที่เฟส 2 จะพัฒนาระบบให้สามารถดูประวัติการซื้อยาของแต่ละบุคคล ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ด้วยฐานข้อมูลเดียวกันทุกสาขา เพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพการบริการ

“เป้าหมายของเซฟดรัก คือ การเข้ามาซัพพอร์ตธุรกิจโรงพยาบาลที่เป็นธุรกิจหลัก ประกอบกับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมคนเปลี่ยนไป ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้ตลาดนี้โต ซึ่งสอดรับกับทิศทางของเซฟดรักในอนาคตที่มุ่งเป็นร้านขายยา ที่มากกว่าร้านขายยานั้นคือ การให้คำปรึกษาในการตรวจสุขภาพเบื้องต้น แนะนำแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่”


อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ้นปีนี้กลุ่มเอ็นเฮลท์จะมีรายได้รวม 4,200 ล้านบาท โต 17% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,600 ล้านบาท ขณะที่รายได้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเป็นไปตามแผนที่วางไว้