“แอลจี” ทุ่มงบฯปลุกท้ายปี ส่ง 3 หัวหอกรับดีมานด์โต

“แอลจี” มั่นใจกำลังซื้อครึ่งปีหลัง เร่งเครื่อง 2 ไตรมาสท้าย สาดงบฯจัดกิจกรรมรายเดือนยันสิ้นปี อัดโปรฯลดออนท็อป-ผ่อนยาวสุด 20 เดือน หวังชิงเจ้าตลาดทีวี 4K รักษาโมเมนตัมตู้เย็นไซด์บายไซด์-มัลติดอร์ พร้อมซุ่มขยายไลน์อัพสินค้าสมาร์ท-เอไอราคาเข้าถึงได้เริ่มต้น 1.5 หมื่น หวังปักฐานรับเทรนด์สมาร์ทแอปพลิแอนซ์

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยแนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าครึ่งหลังของปี 2561 และแผนทำตลาดกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มกำลังซื้อช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นบวก โดยมีปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลาง-บนที่อัพเกรดเครื่องใช้ไฟฟ้าไปรุ่นใหม่-ไซซ์ใหญ่ และมีฟังก์ชั่นมากขึ้น เพื่อความสะดวก ลดเวลาทำงานบ้านลง ขณะที่กลุ่มทีวีมูลค่า 3 หมื่นล้านบาททำผลงานได้ดีช่วงบอลโลกเติบโตประมาณ 20% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 และทั้งปีน่าจะโตได้ 5-7% เช่นเดียวกับเครื่องซักผ้าและตู้เย็นที่มีดีมานด์ต่อเนื่อง รวมถึงเทศกาลช็อปปิ้งช่วงโค้งท้าย จึงคาดว่าทั้งปีตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 1 แสนล้านบาทจะเติบโตได้ 3-5% หลังครึ่งปีแรกเติบโตได้แล้ว 2-3% เพื่อเกาะกระแสการเติบโตนี้ จึงทุ่มงบฯมากกว่าครึ่งปีแรกเพื่อปูพรมแคมเปญกระตุ้นการขายเต็มที่ลากยาวถึงสิ้นปี หลังเปิดตัว

ไลน์อัพสินค้าปี 2561 ครบแล้ว ทั้งจัดกิจกรรมตามร้านค้าทุกเดือน พร้อมโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจทั้งผ่อนยาว 10-20 เดือน ส่วนลดออนท็อปสำหรับสินค้าที่ต้องการทำยอดอย่างทีวี 4K ตู้เย็นไซด์บายไซด์และมัลติดอร์ เครื่องซักผ้า ตามเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดทีวี 4K ที่กำลังมาแรงจนมีสัดส่วน 60% ของตลาดรวมทีวีแล้ว เช่นเดียวกับเทรนด์อัพเกรดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าไซซ์ใหญ่ เพื่อลดความยุ่งยาก เช่น ซื้อสินค้าเข้าบ้าน-รวมผ้าซักอาทิตย์ละครั้ง

ขณะเดียวกันเดินหน้าขยายไลน์อัพสินค้าไอโอทีและเอไออย่างต่อเนื่อง ตามเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มนี้จาก 12% เป็น 20% ของพอร์ตโฟลิโอ หรือ 4 เท่าเทียบกับปี 2559 ที่มีเพียง 5% เท่านั้น โดยเพิ่มรุ่นสมาร์ททีวี เครื่องซักผ้า ตู้เย็น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและอื่น ๆ ระดับกลางราคาจับต้องได้เริ่มต้นประมาณ 1.5 หมื่นบาท ใกล้เคียงสินค้ารุ่นปกติและต่ำกว่าเมื่อ 3-4 ปีก่อนที่มีเฉพาะรุ่นท็อปราคาระดับ 4-5 หมื่นบาท ชูจุดขายด้านความสะดวก เช่น สั่งงานด้วยเสียง แจ้งเตือนการทำงานและควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนจากนอกบ้าน เป็นต้น

“ปัจจุบันเรามีสินค้าสมาร์ท-เอไอรวมกว่า 30 รายการ เยอะที่สุดในตลาด เพราะคู่แข่งทุกแบรนด์รวมกันมีสินค้ายังไม่ถึง 15 รายการ แม้ขณะนี้การใช้งานจะยังมีข้อจำกัดเยอะ แต่ต้องเดินหน้าสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่น เพื่อชิงความได้เปรียบในเซ็กเมนต์นี้ก่อนหน้าคู่แข่ง เพราะเทรนด์นี้กำลังมาแรง และน่าจะเป็นกระแสหลักในอีกไม่นาน”

เช่นเดียวกัน การสื่อสารซึ่งจะเน้นกลยุทธ์รีวิวสินค้ามากขึ้น ทั้งด้วยบล็อกเกอร์และเว็บเพจ-ไซต์เฉพาะทาง ตอบโจทย์พฤติกรรมนิยมหาข้อมูลสินค้าและเชื่อมั่นการรีวิวมากกว่าโฆษณาของผู้บริโภค และโจทย์ของแบรนด์ซึ่งต้องการชูจุดขายซับซ้อนขึ้น อย่างฟังก์ชั่นสมาร์ท การดูสตรีมมิ่ง ระบบเอไอ และคุณภาพของแอลอีดีทีวี ซึ่งเสนอในช่องทางอื่นยาก ทั้งยังช่วยย้ำจุดแข็งในไลน์อัพสินค้าสมาร์ทและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง แทนการแข่งขันราคาอย่างดุเดือดในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโตจากครึ่งปีแรกซึ่งยอดขายทีวีเติบโตได้ดี โดยช่วงฟุตบอลโลกยอดขายทีวีเติบโตถึง 20% เท่ากับตลาดรวม และส่วนเครื่องซักผ้าและตู้เย็นสามารถทำยอดขายได้ต่อเนื่อง มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถกระตุ้นยอดขายรวมให้เติบโต 15% จากยอด 2.3 หมื่นล้านบาทของปีก่อน