คอลัมน์ จับกระแสตลาด
แรงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล เนื่องจากหลาย ๆ กลุ่มสินค้าเพิ่มดีกรีการใช้งบฯผ่านสื่อนี้มากขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้จัดงานสัมมนาการตลาดและการสื่อสารดิจิทัลครั้งที่ 4 (DAAT Day 2018) พร้อมเปิดเผยข้อมูลและเทรนด์ของตลาด
“ศิวัตร เชาวรียวงษ์” ประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง หลังครึ่งปีแรกมีเม็ดเงินเข้ามากกว่า 6,684 ล้านบาท
ขณะเดียวกันคาดว่าทั้งปีนี้ เม็ดเงินผ่านสื่อดิจิทัลจะพุ่งเป็น 15,000 ล้านบาท โต 21% จากปีก่อน ซึ่งถือว่าเติบโตมากกว่าที่ประเมินไว้เมื่อต้นปี เนื่องจากสินค้ารุกอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ทำให้ผันงบฯมาออนไลน์มากขึ้น เช่น กลุ่มมอเตอร์ไซค์ และความงาม รวมถึงสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ เช่น เครื่องปรุงรส อุปกรณ์สำนักงาน ตามด้วยกระแสออมนิแชนเนล หลังสื่อออนไลน์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากถึง 80% ของประชากรในแง่ของกลุ่มสินค้า 3 อันดับที่ใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลสูงสุดปีนี้ ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิม คือ ยานยนต์ 1,722 ล้านบาท กลุ่มสื่อสาร 1,657 ล้านบาท และสกินแคร์ 1,256 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะใช้งบฯผ่านสื่อนี้สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน คาดว่าจะใช้งบฯสูงกว่าปีก่อนเพิ่มเป็น 256 ล้านบาท หลังผู้ผลิตหลายรายเข้ามาตั้งฐานจึงต้องสร้างการรับรู้ระดับแมส ตามด้วยอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเป็น 612 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของเมือง
ทั้งนี้ ในแง่ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็แข่งขันกันดุเดือดขึ้น แต่ละรายต่างแข่งกันลอนช์เครื่องมือทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะเข้าหาผู้บริโภคและตอบโจทย์สินค้า เช่น โปรโมชั่นรายบุคคล รวมถึงเสนอบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงผู้ใช้งานให้อยู่กับแพลตฟอร์ม 24 ชั่วโมง เช่น การสั่งอาหาร รายการบันเทิง ซึ่งเฟซบุ๊กและยูทูบยังเป็นแพลตฟอร์มที่สินค้าใช้งบฯสูงสุด 2 อันดับแรก โดยเฟซบุ๊กมีส่วนแบ่งตลาด 30% และยูทูบ 18% เนื่องจากฐานผู้ใช้จำนวนมากและมีการเข้ามาตั้งออฟฟิศในไทยด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มที่เริ่มได้รับความนิยมจากกลุ่มสินค้าสูงขึ้นอย่างชัดเจน เช่น ทวิตเตอร์ ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้วัยรุ่น-วัยทำงาน และแบรนด์สินค้า ส่วนไลน์ ที่มีฐานผู้ใช้ครอบคลุมเด็กถึงผู้สูงอายุ, เทรนด์วิดีโอคอล ฟังก์ชั่นและบริการที่พัฒนาต่อเนื่อง และอินสตาแกรม เพราะเป็นที่นิยมของสินค้ากลุ่มแฟชั่น ความงาม”ศิวัตร” กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคอนเทนต์วิดีโอ หรือภาพเคลื่อนไหว ยังคงเป็นเทรนด์หลัก เนื่องจากแพลตฟอร์มหันมาสนับสนุน ขณะเดียวกันยังประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะสามารถใช้ได้ทั้งทีวีและออนไลน์ ด้านการซื้อสื่อด้วยระบบอัตโนมัติ หรือโปรแกรมเมติกที่เติบโตมากขึ้น เนื่องจากความเข้าใจด้านการใช้งานและประสิทธิภาพแพร่หลายมากขึ้น
จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็วทำให้อุตสาหกรรมนี้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และถือเป็นความท้าทายหลักของตลาด ซึ่งสมาคมได้แก้ปัญหาด้วยการเริ่มนำระบบ “DAAT Score” หรือคะแนนความเชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลมาใช้เพื่อรับเทรนด์การเติบโตของโฆษณาดิจิทัลที่ร้อนแรงไม่หยุด