
คอลัมน์ จับกระแสตลาด
สะดุ้งกันไปทั้งบางเลยทีเดียว! สำหรับร้านสินค้าราคาเดียว ทั้งร้าน 20 บาท ร้าน 60 บาท ที่อยู่ในช่วงขาขึ้นและมีสาขาผุดไปทั่วสารทิศ หลังจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะกวดขันสินค้าที่วางขายในร้านว่า ต้องมี มอก.
เป็นที่รับรู้กันว่า ที่ผ่านมาร้านสินค้าราคาเดียว มีการเติบโตและมีจำนวนผู้ประกอบการรายใหม่กระโดดเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
ด้วยปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคประหยัดและเลือกหาสินค้าราคาประหยัด ตรงกับจุดขายของธุรกิจนี้
จากความนิยมของร้านสินค้าราคาเดียวที่มีมากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็พบว่ามีเสียงร้องเรียนหนาหูมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะคุณภาพสินค้า จนร้อนถึง สมอ. ต้องเรียกบรรดาผู้ประกอบการร้าน 20 บาท เข้าพูดคุยขอความร่วมมือกวดขันสินค้าที่ต้องผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) อาทิ สวิตช์ไฟฟ้า ปลั๊กไฟสายพ่วง สีเทียน สีชอล์ก ไฟแช็ก ไม้ขีดไฟ และแอลกอฮอล์แข็ง
นี่คือโจทย์และความท้าทายใหม่ของธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าราคาเดียว
สุพจน์ เลาหพัฒนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกดำรงค์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของร้านค้าส่งและร้านจำหน่ายสินค้าราคาเดียว 20 บาท ภายใต้ชื่อ เอ–โกะ เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า จากมาตรการของ สมอ.ดังกล่าว คาดว่าหลังจากนี้จำนวนผู้เล่นหน้าใหม่อาจเพิ่มขึ้นช้าลง เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าส่งสัญชาติจีนและร้าน 20 บาทบางส่วน ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อเดินเรื่องขอมาตรฐาน มอก.ให้กับสินค้าที่เดิมนำเข้าจากจีน หรือเปลี่ยนซัพพลายเออร์เป็นรายที่สินค้าผ่าน มอก.
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่า ในแง่ตลาดรวมคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสินค้าหลักที่ขายในร้านหลัก ๆ จะเป็นกลุ่มเครื่องใช้พลาสติก อาทิ ตะกร้า ถัง กะละมัง ซึ่งไม่ต้องมีมาตรฐาน มอก.อยู่แล้ว ขณะที่สินค้าที่มีและไม่มี มอก. ราคาต่างกันน้อยมากไม่ถึง 1 บาทต่อชิ้น จึงเชื่อว่าผู้ที่ขายสินค้าไม่ผ่าน มอก.จะสามารถปรับตัวได้ในเวลาไม่นาน
พร้อมกันนี้ สุพจน์ ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมา สมอ.ได้เรียกบริษัทและผู้ประกอบการร้าน 20 บาท เข้าไปขอความร่วมมือให้ตรวจสอบสินค้าในร้านของตนเอง ซึ่งบริษัทเตรียมส่งจดหมายเวียนไปยังแฟรนไชซีเพื่อให้เข้มงวดกับสินค้าที่นำเข้ามาขายในร้าน รวมถึงนัดหมายเจ้าหน้าที่ของ สมอ.เข้ามาตรวจสินค้าและออกเอกสารรับรองคุณภาพร้านค้าอีกด้วย
เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค บริษัทเองและบริษัทรายอื่นที่มีสินค้าได้มาตรฐานก็จะสามารถใช้เรื่องนี้ไปทำการตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟรนไชซีได้ และสามารถรับมือการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นหลังมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายสินค้าราคาเดียวรายใหญ่รายหนึ่ง แสดงความเห็นในเรื่องนี้กับ ประชาชาติธุรกิจ ว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบกับผู้เล่นหน้าใหม่ในวงการร้าน 20 บาท เพราะการขอมาตรฐาน มอก.อาจต้องใช้เวลานานขึ้น และบางรายอาจเปลี่ยนมาใช้ซัพพลายเออร์ที่เป็นคนไทย เพื่อให้มั่นใจในมาตรฐานการผลิตสินค้า ซึ่งก็จะทำให้สินค้ามีต้นทุนสูงขึ้น
ส่วนร้าน 60 บาทน่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะราคาสินค้าและกลุ่มเป้าหมายระดับสูงกว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศหรือผู้นำเข้าที่มี มอก.และมาตรฐานอื่น ๆ กันอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาทางการมีการสุ่มตรวจมาโดยตลอด
อีกด้านหนึ่ง แน่นอนว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนี้ไปภาพการปรับตัวของร้านสินค้าราคาเดียวจะเป็นอย่างไร
จากนี้ไป ลูกค้าจะยังนิยมซื้อหาสินค้าราคาประหยัดในร้านราคาเดียวหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป