กิฟฟารีน จัดทัพ บุกจีน…ปูพรมออนไลน์

เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจขายตรงที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “พงศ์พสุ อุณาพรหม” ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ขายตรงแถวหน้าของเมืองไทยถึงทิศทางของขายตรงกิฟฟารีนจากนี้ไป

Q : ภาพรวมของธุรกิจขายตรงปีนี้

ปีนี้คาดว่าภาพรวมของธุรกิจขายตรงของไทยจะมีอัตราการเติบโตกว่า 5% หรือมีมูลค่า 9.94 หมื่นล้านบาท จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 9.46 หมื่นล้านบาท ปัจจัยหลัก ๆ มาจากการเริ่มปรับตัวของผู้ประกอบการ เพื่อรองรับกระแสดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง บวกกับกระแสสุขภาพที่กำลังมาแรง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการดูแลตนเองมากขึ้น ทำให้มีโอกาสขยายตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และกลุ่มสกินแคร์ เติบโตเพิ่มขึ้น

Q : เฉพาะกิฟฟารีนเองเป็นอย่างไร

จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงและชะลอการจับจ่าย ส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ไม่ได้สูงขึ้นมากนัก ครึ่งปีแรกที่ผ่านมารายได้ของบริษัทโตกว่า 3-5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 90% ต่างประเทศ 10% และภายในสิ้นปีนี้ต้องการผลักดันยอดขายให้มากกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับแนวทางในครึ่งปีเหลืออยู่จะเน้นการรุกตลาดฟังก์ชั่นน็อนดริงก์อย่างต่อเนื่อง อาทิ “ซี มิน ดริ้งค์” ที่มี อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งจะมาช่วยในแง่ของการตอกย้ำความน่าสนใจและสร้างการจดจำให้แบรนด์สินค้าตัวนี้ หลังจาก

เปิดตัวได้ไม่นานก็สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 7 ล้านซอง ประสบความสำเร็จอย่างมากจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปหลายรายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สกินแคร์ และคอสเมติก และมีการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นตัวแทนหลักในการสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค โดยทุ่มงบฯการตลาดกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งก็สามารถสร้างสีสัน และช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดี จากปีที่ผ่านมาที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีนัก ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่าย และเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็น ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งหากลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้เพื่อทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและหันมาจับจ่าย

Q : ยุทธศาสตร์ของกิฟฟารีนจากนี้ไป

ปัจจุบันถือว่าเป็นยุค 4.0 กิฟฟารีนมีความต้องการให้นักธุรกิจทำธุรกิจเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งสร้างแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ให้ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และสร้างเครือข่ายในโลกดิจิทัลให้มากขึ้น และในครึ่งปีหลังนี้กิฟฟารีนจะเร่งทำการตลาดเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขาย

Q : การขยายตลาดในต่างประเทศ

ที่ผ่านมา กิฟฟารีนได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในต่างประเทศมีกำลังซื้อสูงและเลือกจับจ่ายสินค้าที่มีคุณภาพ โดยบริษัทมีทั้งธุรกิจเครือข่ายและค้าปลีก ที่เปิดเป็น flagship stores ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน เพื่อทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าไทย และได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาไม่แพง รวมทั้งมีการเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

สำหรับธุรกิจเครือข่ายต่างประเทศ ปัจจุบันมีในหลายประเทศในอาเซียน อาทิ มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา ลาว อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยได้จัดกิจกรรมให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายตลาดในประเทศจีน ทั้งในรูปแบบของธุรกิจค้าปลีกและการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมองว่าจีนเป็นประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนด้วยภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนกำลังเติบโตขึ้น รวมทั้งจำนวนประชากรที่มากกว่าไทยหลายเท่าตัว ทำให้มองเห็นโอกาสเข้าไปลงทุนสร้างรายได้ในจีน ซึ่งจะเน้นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมของผู้บริโภคจีนที่ซื้อสินค้าและชำระค่าบริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์

พร้อมกันนี้ กิฟฟารีนยังจะต้องนำกลยุทธ์ใหม่ ๆ ออกมาตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวจีนให้มากขึ้นด้วย