เมื่อพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน ความท้าทายของการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จึงต้องเร่งปรับตัวให้รวดเร็ว บวกกับการยึดมั่นในแผนระยะยาว ยังคงเป็นแนวทางสำคัญที่ “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ไลฟ์สไตล์ ที่เดินหน้านำกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้ฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมแผนระยะยาวเพื่อปรับกลยุทธ์รับมือต่อพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค “วิลเลี่ยม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อมองย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 1967 จากจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจในวัย 17 ปี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
เริ่มต้นจากการก่อตั้งบริษัทโฆษณาและบริการทำความสะอาดสำนักงาน ด้วยเงินลงทุน 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 25,000 บาท จนกระทั่งเติบโตในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ ด้วยโอกาสดี ๆ ที่เข้ามาและเราตัดสินใจคว้าเอาไว้ในแต่ละธุรกิจ รวมถึงความแข็งแกร่งของทีมงานกลายเป็น 3 ขาธุรกิจหลักของไมเนอร์ในปัจจุบัน คือ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ มีการเติบโตกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากการขยายอาณาจักรใน 64 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ตจำนวน 565 แห่ง ร้านอาหาร 2,100 สาขา และกลุ่มสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ 429 แห่ง
โดยทิศทางการเติบโตจากนี้ไป หัวเรือใหญ่ของ “ไมเนอร์ กรุ๊ป” ได้อธิบายให้เห็นถึงแนวทางการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในครั้งนี้ ได้แก่ 1.การเติบโตธุรกิจผ่านเครือข่ายแบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและบริหาร 2.การเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพของทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ 3.การลงทุนและเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ การทำให้กลยุทธ์ของบริษัทประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเสริม ได้แก่ การมองหาเครื่องมือด้านดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งปรับโครงสร้างองค์กร เปิดรับคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์เข้ามาทำงานในองค์กร เพื่อที่จะช่วยให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“วิลเลี่ยม” กล่าวต่อว่า ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคและเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทีมบริหารจะต้องเร่งปรับตัวให้ทันตามเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งต้องพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“และในส่วนของเคล็ดลับที่นำมาแก่ความสำเร็จนั้น คงจะเป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน คือ เราอยากจะเป็นผู้นำในด้านธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และผู้จัดจำหน่ายในระดับโลก โดยมอง ?ลูกค้า? เป็นบุคคลสำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ ?ไมเนอร์ กรุ๊ป? ประสบความสำเร็จได้ รวมทั้งศักยภาพของบุคลากรที่มีความตั้งใจทำงาน ก็มีส่วนช่วยให้บริษัทเดินหน้าสร้างความสำเร็จได้เช่นกัน และสิ่งสำคัญก็คือ แบรนด์เราไม่ได้สร้างคน แต่คนต่างหากที่เป็นคนสร้างแบรนด์”
สำหรับทิศทางในการเติบโตจากนี้ไป ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรมได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทุ่มงบฯ 85,564 ล้าน ลงทุนกลุ่มโรงแรม NH Hotel Group ในประเทศสเปน ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ก็เพื่อขยายรายได้ในกลุ่มโรงแรมให้เพิ่มขึ้น แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในด้านของพอร์ตโฟลิโอได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกับร้านอาหาร อาทิ พิซซ่าคอมปะนี แดรี่ควีน สเวนเซ่นส์
สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ไปคือการสร้างประสบการณ์ให้แบรนด์มากขึ้น ด้วยการตกแต่งและการบริการที่แตกต่าง เช่น การเพิ่มเมนูใหม่ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค พร้อมทั้งพัฒนาการให้บริการดีลิเวอรี่ให้รวดเร็วมากขึ้น โดยยึดหลักความพอใจของผู้บริโภคต้องมาเป็นอันดับแรก
นอกจากนี้ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ตอนนี้ยังทำเฉพาะแค่ในประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในอนาคตมองถึงการไปต่างประเทศด้วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ค่อนข้างแอ็กทีฟในการนำแบรนด์ดัง ๆ เข้ามามากขึ้น เพื่อต้องการสร้างพอร์ตให้หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคโซเชียลที่กำลังมาแรงนี้ ประกอบกับเทรนด์ดิจิทัลก็ต้องมีออนไลน์รองรับคู่กับการมีหน้าร้านด้วย
“แต่เป้าหมายที่สำคัญคืออยากเป็นเจ้าของแบรนด์เอง สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง และขยายตลาดต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าสร้างรายได้กว่า 15% โดยมีหัวหอกสร้างการเติบโตเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกับการเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในอนาคต