เปรี้ยงปังฉบับ “แมชบ็อกซ์” แชร์ค่าเช่า…ปั้นร้านมัลติแบรนด์

คอลัมน์ BIZ ว้าวววว

จากที่เป็นคนชอบแต่งตัว สนใจเรื่องแฟชั่นเป็นทุนเดิม “บี-สราลี ชายสมสกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมชบ็อกซ์ กรุ๊ป จำกัด สาวบัญชีจากรั้วจามจุรี ตัดสินใจนำเงินทุนที่เก็บหอมรอมริบจากการสอนพิเศษระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยมาเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองตั้งแต่ช่วงเรียนปี 4 ก่อนจะคิดการใหญ่ ลงขันกับหุ้นส่วนเปิดร้านแฟชั่นมัลติแบรนด์ “แมชบ็อกซ์” (Matchbox) ที่วันนี้กลายเป็นแหล่งรวมแฟชั่นเสื้อผ้า-แอ็กเซสเซอรี่ ตอบโจทย์สาว ๆ ที่แวะเวียนไปช็อปที่สยามสแควร์

“สราลี” เล่าว่า เธอคือหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจของตัวเอง เริ่มจากการทำเสื้อผ้าแบรนด์ “Saralee Boutique” ขายผ่านออนไลน์กระทั่งอยากมีหน้าร้านของตัวเองที่สยามสแควร์ แต่ค่าเช่าพื้นที่ที่ราคาสูง จึงปิ๊งไอเดียผุดคอนเซ็ปต์ร้านเสื้อผ้าที่มีหลากหลายแบรนด์ในร้านเดียวกัน ชวนแบรนด์เสื้อผ้าจากในออนไลน์มาช่วยกันแชร์ค่าเช่าที่ จนเกิดเป็นร้านมัลติแบรนด์แฟชั่น “แมชบ็อกซ์” ขึ้นมา

เทรนด์ของคนรุ่นใหม่ตอนนี้อยากมีธุรกิจ ทำแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นตัวสนับสนุนเพราะช่วยให้การสร้างแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเลยมีแบรนด์เสื้อผ้าที่ขายในออนไลน์เกิดขึ้นมาเยอะมาก จากขายในออนไลน์ก็ขยับมาขายตามงานอีเวนต์ วนมาถึงขายผ่านหน้าร้าน ซึ่งบางคนที่อาจทำงานประจำอยู่ ไม่มีเวลาก็เอาสินค้ามาฝากขายในร้านมัลติแบรนด์ได้

โมเดลของแมชบ็อกซ์คือ การชวนแบรนด์เสื้อผ้าในออนไลน์มาเช่าพื้นที่ขายสินค้าในร้านที่คิดค่าเช่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน ค่าคอมมิสชั่น 5% ของยอดขาย ครอบคลุมถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ของร้านทั้งเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม โดยแมชบ็อกซ์จะดูแลเรื่องการขาย การทำการตลาด อาทิ นำเสื้อผ้าของพาร์ตเนอร์ไปถ่ายแบบโปรโมต และจากการตอบรับที่ดีทำให้ปัจจุบันนี้มีรายชื่อของแบรนด์ที่รอคิวนำของเข้ามาขายในร้านหลายสิบแบรนด์ ต่างจากช่วงแรกที่ต้องติดต่อหาเอง ในตลาดตอนนี้มีร้านมัลติแบรนด์หลัก ๆ อยู่ 3 ราย อย่าง เอสโอเอส แคมป์และแมชบ็อกซ์ เจาะลูกค้าคนละกลุ่ม คนละสไตล์ ซึ่งแนวของแมชบ็อกซ์คือ เป็นแบรนด์ไทยสไตล์ลำลองที่ใส่ได้ทุกวัน ราคาเบา ๆ 500-1500 บาท

ปัจจุบันมี 2 สาขา คือสยามสแควร์ซอย 11 และบริเวณลานฮาร์ดร็อกคาเฟ่ ไม่ไกลจากสาขาแรก โดยสาขาที่สองนี้มาพร้อมกับความยิ่งใหญ่มากขึ้น คือเป็นตึก 3 ชั้นที่มีสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ของแต่งบ้าน กว่า 100 แบรนด์ ตกแต่งร้านให้โดดเด่นด้วยสีชมพูสุดหวานตามเทรนด์เกาหลี ตัดด้วยความดิบของต้นไม้ภายใต้คอนเซ็ปต์ แมชบ็อกซ์ พิงก์แพลนเตอร์ (Pink Planter) ที่มีคาเฟ่เครื่องดื่ม-ของหวานอยู่ชั้นบนสุดให้เป็นพื้นที่นั่งรอ-นั่งชิว หรือพักเหนื่อยระหว่างเลือกชมสินค้า

“ส่วนของคาเฟ่จะให้ความสำคัญกับการตกแต่งร้าน ขนมต้องถ่ายรูปได้ ถูกใจกลุ่มเป้าหมายของแมชบ็อกซ์ที่ชอบแฟชั่น ชอบโซเชียล ซึ่งจะขยายไปพร้อมกับร้านมัลติแบรนด์หากมีพื้นที่เพียงพอ ตอนนี้ก็อยากขยายสาขาแมชบ็อกซ์อีก แต่อยากให้ทุกที่ที่เปิดต้องปัง ต้องเก๋ ต้องต่างจากคนอื่น ซึ่งเรื่องทำเลก็สำคัญ ตอนนี้กำลังดูพื้นที่ทั้งในและนอกห้าง รวมทั้งในต่างจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย”

ไม่ใช่แค่การพัฒนาหน้าร้าน “สราลี” ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารสร้างการรับรู้แบรนด์ ทั้งโปรโมตร้านผ่านแอดเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม มีเน็ตไอดอลมาไลฟ์ถ่ายทอดสดเวลามาเดินเลือกซื้อสินค้าในร้าน รวมทั้งสื่อสารผ่านช่องทางของแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีสินค้าในร้านที่ขยายการรับรู้ไปในวงกว้างยิ่งขึ้นตลอดจนโฟกัสเรื่องการพัฒนาระบบหลังร้านที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญในช่วงเวลานี้ จัดการการบริหารสต๊อกเพื่อรับมือกับการเติมสินค้าที่ต้องเติมไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์

สาววัย 24 ปีคนนี้บอกต่อว่าเธอยังอยากทำอะไรอีกมากมาย นอกจากอยากพัฒนาแบรนด์ตัวเองให้มีสินค้าหลากหลายยิ่งขึ้น ก็สนใจอยากเปิดร้านเฮลตี้ช็อป ขายอาหารเพื่อสุขภาพรับเทรนด์ที่กำลังมาแรง หากมีจังหวะโอกาสได้เปิดจริง ๆ ก็จะเปิดแบบยิ่งใหญ่ตามสไตล์ที่เธอถนัด

ไม่เปรี้ยงปัง ไม่แตกต่าง ก็ไม่ใช่แมชบ็อกซ์