KCG ปรับสินค้า-ช่องทางขาย เดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศ

“เคซีจีฯ” ปรับสูตรธุรกิจรับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น เร่งปรับสินค้า-ช่องทางขาย-อีคอมเมิร์ซ เข้าถึงรับเทรนด์คนรุ่นใหม่ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ

นางสาวลลนา ธีระนุสรณ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร “KCG Corporation” บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสัญญาณการพื้นตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในปีนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทเริ่มปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอิทธิพลของ “โซเชียลมีเดีย” ที่กลายเป็นช่องทางการสื่อสารสำคัญของผู้บริโภครุ่นใหม่ ทั้งแง่ของสินค้า ช่องทางการขาย รวมทั้งการปรับองค์กรให้พร้อมรุกตลาดในปีหน้า

โดยตอนนี้บริษัทกำลังตั้งทีมงานมาผลักดันการเติบโตของแต่ละกลุ่มสินค้า ทั้งบิสกิต-คุกกี้ รวมทั้งเนย-ชีสที่เคซีจีฯยังคงเป็นผู้นำตลาดอยู่ พร้อมเดินหน้ารับเทรนด์ออนไลน์ที่กำลังเติบโต ซึ่งในปีที่แล้วได้เปิดตัว “เคซีจี เฮ้าส์” (KCG House) เว็บขายสินค้าออนไลน์ของเคซีจีฯเพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกให้กับผู้บริโภค

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง และจะเริ่มนำสินค้าที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีสินค้าใหม่ทั้งตัวบิสกิต เวเฟอร์ รวมทั้งมีแผนจัดกลุ่มสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตัดสินค้าบางตัวออกไปแล้วเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาแทนเพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น

ในขณะที่กระแสไขมันทรานส์ บริษัทถือว่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพราะไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์มาตั้งแต่แรก คาดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆ ในอุตสาหกรรมก็มีการเปลี่ยนกระบวนการผลิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ผู้ประกอบการรายเล็กจะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากต้องเพิ่มต้นทุนในการผลิตและปรับราคาสูงขึ้น

สำหรับทิศทางการตลาดจากนี้ไป เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น อยู่ระหว่างศึกษาตลาด โดยจะเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ออฟไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียมากขึ้น เพื่อรับโอกาสของตลาดขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโต เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าไปทำการตลาดมาแล้ว นอกจากจะมีทีมดูแลธุรกิจต่างประเทศและทำกิจกรรมทางการตลาดโดยเฉพาะ ทั้งในกลุ่มสินค้าของบริษัทเองและสินค้าที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายจากต่างประเทศ โดยเตรียมขยายตลาดเนย-ชีสเข้าไปมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีบิสกิตเป็นสินค้าหลัก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทได้แบ่งประเภทผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ วัตถุดิบในการทำเบเกอรี่, สินค้าประเภทนม-เนย-ชีส, บิสกิต, อาหารแช่แข็ง, อาหารสำเร็จรูป, เครื่องจักรและอุปกรณ์, เนื้อและอาหารทะเล เป็นต้น โดยมี “KCG Excellence Center” เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ และร้านกาแฟ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

โดย “เคซีจี คอร์ปอเรชั่น” สามารถบริการส่งสินค้าได้จากโรงงานในเขตกรุงเทพฯได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการขนส่งสาขาเชียงใหม่, ขอนแก่นและสมุทรปราการ (เทพารักษ์) เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าให้กับลูกค้าทั่วประเทศ