ก้าวใหม่…เซิร์ซฯ ต่อยอดทุกธุรกิจบันเทิง

จากบริษัทผู้ผลิตรายการทีวีรายเล็ก ๆ ด้วยทุนจดทะเบียนเพียงไม่กี่ล้านบาทเมื่อ 24 ปีก่อน จนตอนนี้ “เซิร์ซ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” ได้ก้าวขึ้นเป็นพันธมิตรรายสำคัญของช่อง 3 ที่ทำหน้าที่ในการผลิตรายการทีวี ข่าว วาไรตี้ เกมโชว์ รวมถึงการจัดอีเวนต์อย่าง คอนเสิร์ตทีวี 3 สัญจร ที่มีไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งต่อเดือน

ขณะเดียวกัน วันนี้ “เซิร์ซ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” กำลังเพิ่มบทบาทใหม่ในฐานะผู้สนับสนุนและพัฒนาเกมออนไลน์จากฝีมือคนไทย รวมถึงการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้สร้างภาพยนตร์ “นาคี 2” ที่กำลังเข้าฉายอยู่ขณะนี้ และทำรายได้เปิดตัววันแรกไปถึง 50 ล้านบาท ก่อนทุบสถิติเก็บรายได้ 2 วันไปกว่า 200 ล้านบาท เรียกว่ารวดเร็วที่สุดในรอบ10 ปีของวงการหนังไทย

“วิบูลย์ ลีรัตนขจร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตรายการทีวีและอีเวนต์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางธุรกิจหลักของบริษัท คือ การค้นหาความบันเทิง ดังนั้น เมื่อพฤติกรรมคนเปลี่ยน รูปแบบการรับข่าวสาร การรับชมความบันเทิงก็เปลี่ยนไป ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนวิธีการค้นหาความบันเทิงในรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย ล่าสุดได้ตั้ง บริษัท ฮอทเฮด จำกัด ขึ้นเพื่อพัฒนาเกมออนไลน์ฝีมือคนไทย เปิดตัวเกมแรกไปแล้วภายใต้ชื่อ “OSS (Order of the Seventh Sphere) ศึกลูกแก้วเทพพิทักษ์โลก”

ซึ่งใช้ระยะเวลาพัฒนากว่า 8 ปีสำหรับการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวใหม่ของบริษัทในการรุกตลาดเกมออนไลน์ด้วย ขณะที่สเต็ปที่ 2 เตรียมจะเพิ่มแคแร็กเตอร์ของดารา นักแสดงช่อง 3 ลงในเกมด้วย พร้อมเปิดกว้างสำหรับการเข้าสนับสนุนผู้พัฒนาเกมออนไลน์ของไทย เพื่อนำเข้ามาเติมพอร์ตเกมใหม่ ๆ ของบริษัทฮอทเฮดนี้

“วันนี้ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แต่เชื่อว่าทีวีจะไม่ตาย เพราะคนก็ยังดูทีวีอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้คนรุ่นใหม่ก็เปิดรับสื่อผ่านออนไลน์มากขึ้น และมีวิธีการรับชมความบันเทิงที่แตกต่างจากเดิม ทำให้รูปแบบการทำงาน การนำเสนอผลงานของเราก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งวันนี้คนรุ่นใหม่ก็หาความบันเทิงจากการเล่นเกม เราก็ต้องขยายธุรกิจส่วนนี้ออกมา เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ด้วย”

นอกจากนี้ยังมีอีกโปรเจ็กต์สำคัญ นั่นคือการร่วมกับ “ประวิทย์ มาลีนนท์” สร้างภาพยนตร์ “นาคี 2” ซึ่งกำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยความตั้งใจของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ อยากนำหนังไทยออกไปฉายทั่วโลก ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เข้าฉายที่ลาวพร้อมกับที่ไทยด้วย

สำหรับเป้าหมายของธุรกิจเกมออนไลน์และการสร้างภาพยนตร์นั้น ถือว่ามีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาผลงานที่ดี และต้องการก้าวสู่ตลาดต่างประเทศอย่าง หนังเรื่องนาคี 2 ก็เรียกว่าใส่ CG (computer generated) เต็มที่ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับหนังต่างประเทศได้

“วิบูลย์” ย้ำว่า ทั้งหมดถือเป็นก้าวใหม่ของเซิร์ซฯ กับการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ จะได้กำไรหรือขาดทุนก็อีกเรื่อง เพราะถ้ามองเฉพาะแค่ผลกำไรขาดทุนเป็นตัวตั้งก็คงจะไม่มีโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ออกมา

ในส่วนของธุรกิจทีวีนั้นก็ยังเดินหน้าผลิตรายการทีวีต่อเนื่อง ปัจจุบันมีทั้งหมด 11 รายการ ทั้งข่าว สาระความรู้ วาไรตี้ เกมโชว์ ซึ่งกระจายกันออกอากาศใน 3 ช่อง คือ ช่อง 33 เอชดี (ช่อง 3) ช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ เช่น เรื่องเด่นเย็นนี้ คลิปข้างศาล ตีข่าวเช้า ดาวินซี่ ดิอาย เป็นต้น อีกทั้งยังมีธุรกิจอีเวนต์อย่างคอนเสิร์ต ทีวี 3 สัญจร ที่จะเดินสายจัดคอนเสิร์ตในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เฉลี่ย 3-4 ครั้งต่อเดือน

“วิบูลย์” บอกว่า สถานการณ์ทีวีเปลี่ยนไป จำนวนช่องมากขึ้น ความนิยมคนดู (เรตติ้ง) ก็ลดลง ซึ่งบริษัทมีการเตรียมตัวมาตั้งแต่ก่อนการประมูลทีวีดิจิทัล ด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านคอนเทนต์ การวางแนวทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดเพื่อให้สามารถแข่งขันได้

ขณะเดียวกันก็มีแผนจะพัฒนารายการทีวีรูปแบบฟอร์แมตออกไปขายต่างประเทศด้วย เช่น ดาวินซี่ ดิอาย ซึ่งเป็นรายการฟอร์แมตที่บริษัทได้พัฒนาขึ้น รวมถึงมีรายการอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาด้วย

“เราไม่ยึดติดกับการทำคอนเทนต์บนหน้าจอทีวีอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำรายการวิทยุ หนัง รายการวาไรตี้ ข่าว และยังคงจุดยืนเดิม คือ การค้นหาความบันเทิงมาให้ผู้บริโภค ถ้าอะไรใช่ เราก็ทำ”

ทั้งหมดกลายเป็นก้าวใหม่ที่จะเกิดขึ้น และ “เซิร์ซ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” กำลังแปลงความบันเทิง สู่ธุรกิจอื่น ๆ ที่ตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น