ร้านขายยา 3.5 หมื่นล้านเฟื่อง “ฟาสซิโน” บุกหนักขยายสาขา-แฟรนไชส์

ฟาสซิโนเสริมแกร่งธุรกิจรอบทิศ ยกเครื่องยกแผงทั้งรีแบรนด์ให้สดใส ทันสมัยแบบเก๋แต่เรียบ เดินหน้าพัฒนาระบบไอทีเชื่อมข้อมูล ทำโปรโมชั่นโดนใจ-เร่งจัดอบรมบุคลากร มัดใจลูกค้ากระเป๋าหนัก ตั้งเป้า 3 ปีเปิดครบ 200 สาขา รองรับการเติบโตของธุรกิจร้านขายยาบูมรับเทรนด์คนรักสุขภาพ

ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์การป้องกันมากกว่ารักษาโรคที่ได้รับความนิยมขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ หรือเฮลท์แคร์ (healthcare) คึกคักขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะธุรกิจร้านขายยาที่กระจายอยู่ตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท และโตเฉลี่ยปีละ 10% แบ่งเป็น ร้านขายยาทั่วไป 90% และร้านขายยาที่มีหลายสาขา หรือเชนดรักสโตร์ (chain drug store) 10%

ขณะที่หนึ่งในผู้เล่นรายหลักอย่าง “ฟาสซิโน” ก็เปิดเกมรุกตลาดแบบเงียบ ๆ ด้วยการปรับระบบภายในองค์กรใหม่ พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาแทบทุกเดือน หวังสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

เฮลท์แคร์-ร้านขายยาบูม

นางสาวญาณิน พิศาลวาเลิศ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โปรฟาสซิโน จำกัด ผู้บริหารร้านขายยาภายใต้แบรนด์ “ฟาสซิโน” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดเฮลท์แคร์ (healthcare) หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพโตขึ้นต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้น เน้นการป้องกันมากกว่ารักษา ทำให้ธุรกิจร้านขายยาก็โตขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเฉลี่ยปีละ 10% รวมถึงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มเสริมอาหาร และเครื่องมือแพทย์โตขึ้นไปด้วย

ขณะที่ปัจจุบันมีจำนวนร้านขายยาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 20,000 ร้าน แบ่งเป็น ร้านขายยาทั่วไป 90% และเชนดรักสโตร์ 10% หรือคิดเป็น 2,000 ร้านเท่านั้น ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก ทั้งเชนดรักสโตร์และร้านขายยาทั่วไป เพราะมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน โดยข้อดีเชนดรักสโตร์ คือ ด้วยจำนวนสาขาสร้างอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ ทำให้ราคาสินค้าต่ำกว่าร้านขายยาทั่ว ๆ ไป ขณะที่ร้านขายยาทั่วไปก็สามารถกระจายเข้าตามชุมชนได้ดี และมีจำนวนมากกว่า ประกอบกับมีความได้เปรียบด้านบริการที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละชุมชนได้ดี

“แม้มีจำนวนร้านขายยากว่า 2 หมื่นร้าน แต่ธุรกิจนี้ก็ยังโตได้อีก ทั้งกลุ่มเชนดรักสโตร์และร้านขายยาทั่วไป เพราะแต่ละร้านก็มีทำเล มีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน ประกอบกับผู้บริโภคก็ตัดสินใจซื้อสินค้าจากทำเล ความสะดวกและความคุ้นชินกับเภสัชกรมากกว่า”

ยกเครื่องฟาสซิโนทั้งระบบ

ขณะที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้ไป นางสาวญาณินกล่าวว่า เนื่องจากฟาสซิโนเป็นเชนดรักสโตร์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการขยายสาขาต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 111 สาขา ดังนั้น หลังจากเริ่มเข้ามาดูแลฟาสซิโนเต็มตัวปีนี้ จึงเดินหน้าจัดระบบบริหารจัดการภายในองค์กรใหม่ เพื่อให้องค์กรมีความแข็งแรงขึ้น รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต เริ่มตั้งแต่การรีแบรนดิ้งใหม่ ให้ภาพลักษณ์ของฟาสซิโนสดใส ทันสมัยขึ้น ด้วยการใช้โทนสีส้ม ทำให้รูปแบบและภาพลักษณ์ของร้านเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หวังสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือในแบรนด์ร้านขายยาฟาสซิโนต่อด้วยการพัฒนาบุคลากร เพราะธุรกิจร้านขายยาเป็นธุรกิจบริการที่มีบุคลากรเป็นหัวใจหลัก ดังนั้น จึงต้องจัดอบรมมากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่บุคลากร นอกจากนี้ได้ปรับระบบไอทีใหม่ โดยเริ่มเก็บข้อมูลของผู้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ปัจจุบันมีฐานสมาชิกกว่า 6 แสนราย และเริ่มนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อจัดโปรโมชั่นให้โดนใจลูกค้าในแต่ละชุมชนมากขึ้น รวมถึงยังช่วยลดปัญหาการคืนสินค้า และบริหารสต๊อกสินค้าให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ด้วย

“ปัจจุบันร้านฟาสซิโนมีสินค้ากว่า 10,000 รายการ ประกอบกับเปิดร้านในทำเลที่หลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ชุมชน หน้าโรงพยาบาล ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ในการบาลานซ์ความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า ซึ่งการนำข้อมูลที่ได้เข้ามาวิเคราะห์ทำให้รู้ว่า ร้านในชุมชนนั้น ๆ ต้องการยา หรือผลิตภัณฑ์รูปแบบใดบ้าง ช่วยแก้ปัญหาคืนและลดสต๊อกสินค้า ลดต้นทุนได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังสามารถจัดโปรโมชั่นให้สอดรับกับผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ด้วย”

3 ปีผุด 200 สาขา

“ปีนี้เน้นวางระบบ จัดองค์กรใหม่ เพื่อรองรับการขยายสาขาในอนาคต และเมื่อวางระบบเรียบร้อยแล้ว ในปี 2562 จะเดินหน้าเปิดสาขาต่อเนื่อง โดยมีนโยบายหลัก คือ การเปิดร้านแฟรนไชส์มากขึ้น ตั้งเป้าหมายว่า 3 ปีจากนี้จะเปิดให้ครบ 200 สาขา ซึ่งสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์จะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่เพียง 10% ของสาขาปัจจุบันเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แฟรนไชส์ “ฟาสซิโน” มีเพียง 1 โมเดล คือ ขนาด 2 คูหา ค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ระยะสัญญา 10 ปี และมีเงื่อนไขว่า ผู้จะซื้อแฟรนไชส์ต้องเป็นเภสัชกร หรือมีญาติเป็นเภสัชกร เพื่อแก้ปัญหาลาออกของเภสัชกร สร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งบริษัทจะสนับสนุนแฟรนไชส์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การหาเภสัชกรให้กรณีที่เภสัชกรลาออก การจัดคอร์สอบรมพนักงานหน้าร้าน การจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน รวมถึงเปิดโอกาสให้สิทธิ์กับเภสัชกรที่ทำงานกับบริษัทเกิน 3 ปีขึ้นไป สามารถซื้อแฟรนไชส์ได้ในราคาพิเศษ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวทางที่วางไว้จะทำให้สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ที่ผ่านมามีบริษัทในเครือ “ฟาร์มาฮอฟ” ที่ดำเนินธุรกิจค้าส่งเวชภัณฑ์ ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอยู่แล้ว ทำให้ฟาสซิโนสามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ เพราะธุรกิจร้านขายยาเป็นธุรกิจที่มีกำไรไม่สูงมาก แต่เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หากมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนต่าง ๆ ถูกลง เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้มากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่จะสูงขึ้น


“ที่ผ่านมาบริษัทเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ทั้งแง่รายได้และจำนวนสาขา ขณะเดียวกัน คาดว่าปีนี้จะโตมากกว่า 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากสาขาเก่าและการขยายสาขาใหม่ควบคู่กันไป”